วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Liverpool ที่รัก 14: Everton Football Club


การเดินตากฝนพรำๆภายใต้อากาศที่หนาวเหน็บและลมแรงก็เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนจากประเทศที่มีแค่ 3 ฤดู (ร้อน ร้อนมาก และร้อนพ่องด้อง) แต่เดินไปมันก็สนุกดีนะ ได้ดูนู่นนี่ไปตลอดทางเลย บ้านเรือนสไตล์อังกฤษ ผับ บาร์ ถนนหนทาง รถราต่างๆที่วิ่งอยู่บนท้องถนน แต่วันนี้รถไม่ค่อยเยอะ อาจเป็นเพราะฝนตก และแถวนี้เป็นบริเวณชานเมืองด้วย เลยดูค่อนข้างเงียบๆในวันธรรมดา

ผับแห่งหนึ่งใกล้ๆสนามของลิเวอร์พูล
ขอเกริ่นเล็กๆน้อยก่อนว่าเอฟเวอร์ตันกับลิเวอร์พูลนั้นเกี่ยวอะไรกัน เรื่องของเรื่องก็คือประมาณว่า ในสมัยเริ่มแรก สโมสรฟุตบอลในเมืองนี้มีสโมสรเดียวคือสโมสรเอฟเวอร์ตัน ซึ่งมีสนามฟุตบอลแอนฟิลด์เป็นสนามเหย้า ต่อมาเกิดความขัดแย้งในบอร์ดบริหาร ทำให้ผู้เห็นต่างตัดสินใจเดินข้ามสวนสาธารณะ Stanley Park แล้วมาก่อตั้งเป็นสโมสรฟุตบอลใหม่ในชื่อเอฟเวอร์ตัน โดยมีสนามกูดิสัน พาร์คเป็นสนามเหย้า ส่วนบอร์ดที่เหลือก็ยังคงอยู่ที่เดิม และเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็นลิเวอร์พูล หลังจากนั้น เมืองนี้ก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือสีน้ำเงินของเอฟเวอร์ตัน และสีแดงของลิเวอร์พูล
สวนสาธารณะ Stanley Park ที่กั้นระหว่างกูดิสัน พาร์คของเอฟเวอร์ตัน และแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล
ภายในสวนสาธารณะ คนน้อยจัง
พวกผมเดินเลียบไปตามริมถนนที่ติดกับสวนสาธารณะสแตนลีย์ พาร์ค วันนี้ไม่ค่อยมีคนมาเดินเล่นสักเท่าไร อาจเป็นเพราะฝนตกพรำๆ และอากาศหนาวด้วย การเลือกจะอยู่ในผ้าห่มน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า (ผมก็คิดยังงั้นเหมือนกัน มาลำบากทำไมวะ ฮ่าา) เดินตรงไปเรื่อยๆไม่นานนัก ผมก็เห็นสนามกูดิสัน พาร์คที่เป็นรังเหย้าของเอฟเวอร์ตันตั้งตระหง่านมาแต่ไกล 
บ้านสไตล์อังกฤษริมทาง
สนามเอฟเวอร์ตัน อยู่ไม่ไกลแล้ววววว
เมื่อเดินมาเรื่อยๆก็พบว่า Shop ของเอฟเวอร์ตันนั้นตั้งแยกออกมาจากสนามอยู่ต่างหาก พวกผมจึงตัดสินใจแวะเข้าไปเดินเล่นก่อน
Shop ของเอฟเวอร์ตัน เน้นโทนสีน้ำเงิน ดูเท่ดีเหมือนกันนะ
เดินเข้าไปปุ๊บผมก็ยกกล้องถ่ายรูปทันที ก็เกือบงานเข้าเลย  เจ้าหน้าที่เลยเดินเข้ามาอย่างเร็วไว แล้วก็บอกว่า อยากจะถ่ายรูปก็ถ่ายได้นะ แต่ขออย่างเดียว ห้ามถ่ายวีดีโอ โอเค๊ ? ผมก็เอ้ออ ไม่ถ่ายหรอก ถ่ายแต่รูปแหละ ตกใจหมด นึกว่าทำอะไรผิดมหันต์ ฮ่าา,,,,ภายใน Shop ก็ขายของเกี่ยวกับพวกฟุตบอลเหมือน Shop ของลิเวอร์พูลแหละ เสื้อบอล ของที่ระลึกนู่นนี่นั่น พวกเราก็เดินดูอยู่สักพัก จากนั้นผมก็เดินออกมาโดยไม่ได้อะไรติดมือมาเลย (แหงแหละ ผมแฟนลิเวอร์พูลนี่)

ของจำพวกเสื้อผ้าในแบรนด์ของเอฟเวอร์ตัน

จะเอาลายไหนสีไหน ก็มีหมด

ตราสโมสรเอฟเวอร์ตัน ฟุตบอลคลับ
ข้างหน้าสนามมีรูปปั้นของตำนานสโมสรตั้งอยู่ รู้สึกจะชื่อว่า ดิ๊กซี่ ดีน เป็นกองหน้าตีนระเบิด แต่พี่แกคงล่วงลับไปแล้ว ก็เลยมีช่อดอกไม้หรือพวงมาลัยวางอยู่เต็มไปหมดเลย คงเป็นของแฟนบอลเอฟเวอร์ตันแหละ
ดิ๊กซี่ ดีน ตำนานของเอฟเวอร์ตัน
ข้ามถนนมาอีกฝั่งนึงก็เป็นสนามกูดิสัน พาร์ค สนามของเอฟเวอร์ตันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรเท่าไหร่หากเทียบกับแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล วันนี้สนามปิด และก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะทัวร์สนามเอฟเวอร์ตันในวันนี้ ก็เลยแวะถ่ายรูปกันพอเป็นพิธี ให้รู้ว่ามาถึงแล้วนะ ฮ่าา
กูดิสัน พาร์ค สนามเหย้าของเอฟเวอร์ตัน 

เอฟเวอร์ตันเป็นสโมสรที่เก่าแก่ที่สุดสโมสรหนึ่งในอังกฤษเลยนะ

ไม่พลาดที่จะเก็บรูป อิอิ
เมื่อถ่ายรูปกันจนเป็นที่พอใจ เพื่อนผมก็เสนอว่าจะพาพี่ๆไปเที่ยวในเมืองต่อ โดยที่ที่จะไปก็คือโบสต์ liverpool metropolitan cathedral เนื่องด้วยเวลามีไม่มาก เราเลยขึ้นรถเมลล์มาลงที่ใจกลางเมือง จากนั้นก็เดินกันไปโดยเพื่อนผมเป็นคนนำ ผมก็เดินชมเมืองดูนั่นถ่ายรูปนี่ไปเรื่อย ด้วยเมืองนี้นั้นมันเป็นลักษณะของเนิน ไม่ได้ราบเรียบไปทั้งหมด จึงทำให้การเดินในบางช่วงบางตอนนี่เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะต้องเดินขึ้นเนิน ยังไม่ค่อยชินเท่าไร ฮ่า
บ้านแบบอังกฤษ ดูเป็นพิมพ์เดียวกันพรืดเลย มีมอไซค์ด้วย
เพียงไม่นาน คณะทัวร์คนไทย (?) ก็มาถึงโบสต์แห่งหนึ่ง ที่ซึ่งเป็น Landmark สำคัญอีกแห่งของเมืองลิเวอร์พูล... 

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Liverpool ที่รัก 13: This is Anfield !

ผมโผล่หัวออกมาจากอุโมงค์อันศักดิ์สิทธิ์ มายืนอยู่ในสนามแอนฟิลด์ โอ้วว นี่เหรอสนามที่สาวกหงส์แดงทุกคนใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนสักครั้งหนึ่ง บัดนี้เราได้มีโอกาสได้มาเหยียบแล้วนะ มันช่างเป็นความรู้สึกที่น่าตื้นตันใจจริงๆ :) ความรู้สึกแรกที่เห็นสนามคือ รู้สึกว่ามันมีมนต์ขลัง สนามดูไม่ใหญ่แล้วก็ไม่เล็กจนเกินไป มองไปทางไหนก็มีแต่เก้าอี้สีแดงพรืดไปหมด มีตราสัญลักษณ์ของสโมสรลิเวอร์พูลอยู่เหนือสแตนด์ทั้ง 4 ด้าน หญ้าสีเขียวที่ดูแล้วเนี้ยบมากเหมือนที่เคยเห็นผ่านทีวี อีกทั้งวันนี้ยังมีฝนปรอยๆตกลงมาอีก บรรยากาศช่างสุดยอดมาก
แวบแรกที่เห็นสนามแอนฟิลด์อันยิ่งใหญ่ :)
ไกด์ก็ปล่อยให้ทุกๆท่านในคณะทัวร์ดื่มด่ำกับบรรยากาศในสนามแอนฟิลด์กันสักครู่ จากนั้นก็ไล่ต้อนทุกคนให้ไปนั่งที่ซุ้มม้านั่งสำรอง ที่ซึ่งนักเตะและโค้ชของลิเวอร์พูลจะอยู่ประจำการในนัดที่มีการแข่งขัน บ่องตงว่าเก้าอี้ดูสไตล์งานวัดมาก เป็นเก้าอี้แบบพับ (คล้ายๆในโรงหนังที่เมื่อไม่มีคนนั่ง มันจะพับขึ้นไปเอง) มีส่วนที่นุ่มๆนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าอยู่ในสภาพดีนะ ฮ่าฮ่า,,, ไกด์ก็แพล่มอะไรไปตามหน้าที่ ส่วนผมนี่ไม่ค่อยฟังเท่าไร เน้นถ่ายรูปเยอะๆไว้ก่อน มาครั้งแรก ตื่นเต้น อิอิ
ตรงนี้แหละ ซุ้มม้านั่งของโค้ชและนักเตะสำรอง ดูไม่ต่างจากที่นั่งกองเชียร์สักเท่าไหร่ ฮ่า
 เค้าเอาเชือกกั้นไว้ไม่ให้คนไปเหยียบหญ้าในสนามอ่ะนะ จากตรงนี้คือมุมมองจากซุ้มม้านั่งสำรอง

ไกด์พาเดินไปยังสแตนด์หลังประตูที่มีชื่อว่าKop Stand ซึ่งเป็นสแตนด์ที่สาวกลิเวอร์พูลพันธุ์แท้จะมารวมกันอยู่ที่นี่ เพื่อนผมกระซิบให้ฟังว่า คนดูที่สแตนด์นี้เค้าจะไม่นั่งกันนะ เค้าจะยืนดูกัน ได้อารมณ์ดี แล้วก็จะร้องเพลงเชียร์กันตลอดเวลา เวลาดูทีวี ที่เห็นพวกธง ป้ายผ้า ก็คือที่สแตนด์นี่แหละ มีโอกาสต้องลองมาดูที่สแตนด์ฝั่งนี้สักครั้งนะ แล้วจะลืมไม่ลง ผมก็คิดในใจว่า ไว้ว่ากันอีกที ยังไงคงต้องขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าแหละ ฮ่าฮ่า
ด้านหลังนู่นคือสแตนด์ฝั่ง Kop Stand ในตำนาน
ผมลืมบอกไปอย่างนึงว่า ในคณะทัวร์นี้ นอกจากพวกผมแล้ว มีคนไทยอีก 2 คนที่มาทัวร์สนามพร้อมกับพวกผมด้วย บังเอิญได้ยินว่าพูดภาษาไทยกัน เลยทักกัน ก็ได้ความว่า พี่เค้าเป็นคนไทยหาโอกาสมาเที่ยวที่อังกฤษ พอดีเงินโบนัสออกเยอะ (ฮ่า) พี่ๆเค้าไปกันมาหลายเมืองทั่วอังกฤษเลย วันนี้เป็นคิวของเมืองลิเวอร์พูล ก็กำลังงงๆอยู่พอดี พอมาเจอพวกผมก็ดีเลย เพราะเพื่อนผมเชี่ยวชาญเรื่องที่เที่ยวในเมืองมาก ก็เลยกะว่าหลังจากทัวร์สนามก็อาจไปเที่ยวกันต่อ ซึ่งก็ดีเลยผมจะได้ไปด้วย ฮ่า แต่จะไปไหนเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที
มุมมองสนามจากฝั่ง The Kop Stand ซ้ายมือคือ Main Stand ขวามือคือ Centenary Stand ส่วนด้านตรงข้ามคือ Anfield Road
และแล้วก็หมดเวลาของการทัวร์สนาม รวมๆแล้วก็เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงพอดิบพอดี ไกด์ก็เซย์แต๊งกิ้ว แล้วก็ชี้ประตูให้ทุกๆคนเดินออกไป แต่ก็นะ สำหรับคนที่ไม่เคยมาอย่างพวกผม ก็อยู่อิดออดถ่ายรูปกันนานหน่อย จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็เดินมาแล้วทำหน้าประมาณว่า พวกมึงรีบๆออกกันไปเถอะ (เค้าคงคิดในใจ) ก่อนออกไกด์ชี้ให้ดูหญ้ากองหนึ่ง แล้วบอกว่าเจ้าหน้าที่พึ่งตัดหญ้าสนามวันนี้เลย และที่เห็นอยู่นี่คือหญ้าของสนามแอนฟิลด์จริงๆ พวกเราก็ โห เจ๋งว่ะ ได้จับหญ้าด้วย ไกด์เลยบอกอีกว่า พวกคุณจะเก็บไปเป็นที่ระลึกก็ได้นะ แหม่ รอคำนี้อยู่เลย ช้าอยู่ใย โกยสิครับ ผมกับพี่คนไทยอีกคนช่วยกันโกยหญ้าที่วางอยู่ทั้งหมดใส่มือ ไม่รู้จะใส่อะไร เลยถามไกด์ไปว่า มีถุงสักลูกมั้ย (ถามเหมือนซื้อขนมเซเว่นเลย) ไกด์บอกไม่มีหรอก (โว้ย) ผมนึกขึ้นได้ว่ามีซองใส่จดหมายเปล่าๆอยู่ในกระเป๋า ก็เลยโกยหญ้าทั้งหมดใส่ลงไปในนั้น แบ่งกับพี่คนไทยคนละครึ่ง  นี่ล่ะ ของที่ระลึกแรกจากสนามแอนฟิลด์ ฮ่าฮ่า
หญ้าจริง ตัวจริง เสียงจริง ของสนามแอนฟิลด์ ตอนนี้ผมกิน เอ๊ย เก็บใส่กล่องเรียบร้อยอยู่บ้าน
หลังจากเอาหญ้าใส่กระเป๋าอย่างทะนุถนอม ไกด์ก็บอกว่าพวกคุณก็ไปที่พิพิธภัณฑ์ของสโมสรกันต่อเลยได้นะ พวกผมก็เดินไปตามที่เค้าบอก ผมเดินย้อนกลับมาที่บริเวณขายตั๋วทัวร์สนามอีกครั้ง จากนั้นขึ้นไปยังชั้น 2 ก็จะพบกันพิพิธภัณฑ์ของสโมสรลิเวอร์พูล 

ป้ายนี้บ่งบอกชื่อของผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 96 คนในโศกนาฏกรรมที่ฮิลล์สโบโร่
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับลิเวอร์พูล ไล่ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน สนามในอดีต ประวัตินักเตะและผู้จัดการทีมในตำนาน ถ้วยแชมป์ต่างๆที่ลิเวอร์พูลเคยได้ แน่นอนไม่มีถ้วยพรีเมียร์ลีก (เพื่อนผีแดงแมนยูของผมมันฝากให้มาดูให้หน่อย น่าตบจริงๆ :( ) 
แบบจำลองสนามในสมัยเริ่มแรก (100 กว่าปีมาแล้ว) 
Time line ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล
แต่ที่พลาดไม่ได้เลยคือ ถ้วยที่สำคัญสุดๆคือถ้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกส์ ที่เอาชนะทีมเอซี มิลานเมื่อปี 2005 อย่างสุดยอด ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นแชมป์ยุโรป 5 สมัย มากกว่าใครในเกาะอังกฤษ (อิอิ) ทางยูฟ่าเลยให้ถ้วยจริงมาเก็บไว้เลย 
เสื้อของใครเอ๋ย ?
ไม่พลาดที่จะได้ใกล้ชิดกับถ้วยแชมป์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล :)
หลังจากดื่มด่ำกับความสำเร็จและประวัติศาสตร์อันน่าตื่นเต้นของลิเวอร์พูลจากในพิพิธภัณฑ์กันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาต้องแวะเข้า shop ไปซื้อของเล็กๆน้อยๆติดไม้ติดมือก่อนกลับซะหน่อย ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะซื้อเสื้อลิเวอร์พูลของจริงจากที่นี่ ที่สนามแอนฟิลด์แห่งนี้ ซึ่งเสื้อของจริงราคาค่อนข้างแพงหน่อย รวมค่าปักชื่อปักเบอร์ก็ประมาณ 70 ปอนด์ (3500 บาท) ต่างจากที่ไปซื้อหลังสนามศุภ (คนเตะบอลรู้ดี) ที่ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 300-400 บาท แม่เจ้า ต่างกันโคตรเยอะ แต่ไม่เป็นไร ซื้อไว้เป็นที่ระลึก เอาความรู้สึกเป็นที่ตั้ง อีกอย่าง ได้ของแถมเป็นผ้าขนหนูลิเวอร์พูลด้วย ฮ่าฮ่า
Shop ของลิเวอร์พูล มีของขายเยอะพอสมควร
 
เสื้อฟุตบอล มีทุก Size ตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่

มีช็อกโกแล็ตตราลิเวอร์พูลด้วย กินแล้วจะร้อนแรง ฮ่า
แวบแรกผมคิดจะปักชื่อของสตีเวน เจอร์ราร์ด แต่ผมก็เปลี่ยนใจมาปักชื่อของดาวรุ่ง Raheem Sterling เพราะคิดว่าเค้าจะกลายเป็นตำนานของทีมในอนาคต (แต่ตอนนี้จะเผาเสื้อทิ้งละ ฮ่า) 

รายชื่อและเบอร์ของนักเตะลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ รวมถึงราคาค่าปัก
ซื้อของกันเสร็จเรียบร้อย พวกผมก็ออกมายืนกันอยู่หน้าสนามแอนฟิลด์ และปรึกษากันว่าจะไปไหนต่อดี เพื่อนผมก็เลยเสนอว่า ลองเดินไปดูสนามของเอฟเวอร์ตัน (Everton) มั้ย อยู่ไม่ไกลกันมาก (ทีมเอฟเวอร์ตันเป็นทีมร่วมเมืองของลิเวอร์พูล และเป็นสาเหตุที่เมืองลิเวอร์พูลไม่ใช่สีแดงทั้งเมือง) ผมก็อยากเห็นเหมือนกัน ก็เลยตกลงว่าจะไปที่สนามกูดิสันปาร์คของเอฟเวอร์ตันกันต่อ 

คุณรู้หรือไม่ สนามเอฟเวอร์ตันกับลิเวอร์พูลนั้นห่างกันเพียงแค่สวนสาธารณะกั้นเท่านั้นเอง...