ผมโผล่หัวออกมาจากอุโมงค์อันศักดิ์สิทธิ์ มายืนอยู่ในสนามแอนฟิลด์ โอ้วว นี่เหรอสนามที่สาวกหงส์แดงทุกคนใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนสักครั้งหนึ่ง บัดนี้เราได้มีโอกาสได้มาเหยียบแล้วนะ มันช่างเป็นความรู้สึกที่น่าตื้นตันใจจริงๆ :) ความรู้สึกแรกที่เห็นสนามคือ รู้สึกว่ามันมีมนต์ขลัง สนามดูไม่ใหญ่แล้วก็ไม่เล็กจนเกินไป มองไปทางไหนก็มีแต่เก้าอี้สีแดงพรืดไปหมด มีตราสัญลักษณ์ของสโมสรลิเวอร์พูลอยู่เหนือสแตนด์ทั้ง 4 ด้าน หญ้าสีเขียวที่ดูแล้วเนี้ยบมากเหมือนที่เคยเห็นผ่านทีวี อีกทั้งวันนี้ยังมีฝนปรอยๆตกลงมาอีก บรรยากาศช่างสุดยอดมาก
 |
แวบแรกที่เห็นสนามแอนฟิลด์อันยิ่งใหญ่ :) |
ไกด์ก็ปล่อยให้ทุกๆท่านในคณะทัวร์ดื่มด่ำกับบรรยากาศในสนามแอนฟิลด์กันสักครู่ จากนั้นก็ไล่ต้อนทุกคนให้ไปนั่งที่ซุ้มม้านั่งสำรอง ที่ซึ่งนักเตะและโค้ชของลิเวอร์พูลจะอยู่ประจำการในนัดที่มีการแข่งขัน บ่องตงว่าเก้าอี้ดูสไตล์งานวัดมาก เป็นเก้าอี้แบบพับ (คล้ายๆในโรงหนังที่เมื่อไม่มีคนนั่ง มันจะพับขึ้นไปเอง) มีส่วนที่นุ่มๆนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าอยู่ในสภาพดีนะ ฮ่าฮ่า,,, ไกด์ก็แพล่มอะไรไปตามหน้าที่ ส่วนผมนี่ไม่ค่อยฟังเท่าไร เน้นถ่ายรูปเยอะๆไว้ก่อน มาครั้งแรก ตื่นเต้น อิอิ
 |
ตรงนี้แหละ ซุ้มม้านั่งของโค้ชและนักเตะสำรอง ดูไม่ต่างจากที่นั่งกองเชียร์สักเท่าไหร่ ฮ่า |
 |
เค้าเอาเชือกกั้นไว้ไม่ให้คนไปเหยียบหญ้าในสนามอ่ะนะ จากตรงนี้คือมุมมองจากซุ้มม้านั่งสำรอง |
ไกด์พาเดินไปยังสแตนด์หลังประตูที่มีชื่อว่าKop Stand ซึ่งเป็นสแตนด์ที่สาวกลิเวอร์พูลพันธุ์แท้จะมารวมกันอยู่ที่นี่ เพื่อนผมกระซิบให้ฟังว่า คนดูที่สแตนด์นี้เค้าจะไม่นั่งกันนะ เค้าจะยืนดูกัน ได้อารมณ์ดี แล้วก็จะร้องเพลงเชียร์กันตลอดเวลา เวลาดูทีวี ที่เห็นพวกธง ป้ายผ้า ก็คือที่สแตนด์นี่แหละ มีโอกาสต้องลองมาดูที่สแตนด์ฝั่งนี้สักครั้งนะ แล้วจะลืมไม่ลง ผมก็คิดในใจว่า ไว้ว่ากันอีกที ยังไงคงต้องขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าแหละ ฮ่าฮ่า
 |
ด้านหลังนู่นคือสแตนด์ฝั่ง Kop Stand ในตำนาน |
ผมลืมบอกไปอย่างนึงว่า ในคณะทัวร์นี้ นอกจากพวกผมแล้ว มีคนไทยอีก 2 คนที่มาทัวร์สนามพร้อมกับพวกผมด้วย บังเอิญได้ยินว่าพูดภาษาไทยกัน เลยทักกัน ก็ได้ความว่า พี่เค้าเป็นคนไทยหาโอกาสมาเที่ยวที่อังกฤษ พอดีเงินโบนัสออกเยอะ (ฮ่า) พี่ๆเค้าไปกันมาหลายเมืองทั่วอังกฤษเลย วันนี้เป็นคิวของเมืองลิเวอร์พูล ก็กำลังงงๆอยู่พอดี พอมาเจอพวกผมก็ดีเลย เพราะเพื่อนผมเชี่ยวชาญเรื่องที่เที่ยวในเมืองมาก ก็เลยกะว่าหลังจากทัวร์สนามก็อาจไปเที่ยวกันต่อ ซึ่งก็ดีเลยผมจะได้ไปด้วย ฮ่า แต่จะไปไหนเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที
 |
มุมมองสนามจากฝั่ง The Kop Stand ซ้ายมือคือ Main Stand ขวามือคือ Centenary Stand ส่วนด้านตรงข้ามคือ Anfield Road |
และแล้วก็หมดเวลาของการทัวร์สนาม รวมๆแล้วก็เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงพอดิบพอดี ไกด์ก็เซย์แต๊งกิ้ว แล้วก็ชี้ประตูให้ทุกๆคนเดินออกไป แต่ก็นะ สำหรับคนที่ไม่เคยมาอย่างพวกผม ก็อยู่อิดออดถ่ายรูปกันนานหน่อย จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็เดินมาแล้วทำหน้าประมาณว่า พวกมึงรีบๆออกกันไปเถอะ (เค้าคงคิดในใจ) ก่อนออกไกด์ชี้ให้ดูหญ้ากองหนึ่ง แล้วบอกว่าเจ้าหน้าที่พึ่งตัดหญ้าสนามวันนี้เลย และที่เห็นอยู่นี่คือหญ้าของสนามแอนฟิลด์จริงๆ พวกเราก็ โห เจ๋งว่ะ ได้จับหญ้าด้วย ไกด์เลยบอกอีกว่า พวกคุณจะเก็บไปเป็นที่ระลึกก็ได้นะ แหม่ รอคำนี้อยู่เลย ช้าอยู่ใย โกยสิครับ ผมกับพี่คนไทยอีกคนช่วยกันโกยหญ้าที่วางอยู่ทั้งหมดใส่มือ ไม่รู้จะใส่อะไร เลยถามไกด์ไปว่า มีถุงสักลูกมั้ย (ถามเหมือนซื้อขนมเซเว่นเลย) ไกด์บอกไม่มีหรอก (โว้ย) ผมนึกขึ้นได้ว่ามีซองใส่จดหมายเปล่าๆอยู่ในกระเป๋า ก็เลยโกยหญ้าทั้งหมดใส่ลงไปในนั้น แบ่งกับพี่คนไทยคนละครึ่ง นี่ล่ะ ของที่ระลึกแรกจากสนามแอนฟิลด์ ฮ่าฮ่า
 |
หญ้าจริง ตัวจริง เสียงจริง ของสนามแอนฟิลด์ ตอนนี้ผมกิน เอ๊ย เก็บใส่กล่องเรียบร้อยอยู่บ้าน |
หลังจากเอาหญ้าใส่กระเป๋าอย่างทะนุถนอม ไกด์ก็บอกว่าพวกคุณก็ไปที่พิพิธภัณฑ์ของสโมสรกันต่อเลยได้นะ พวกผมก็เดินไปตามที่เค้าบอก ผมเดินย้อนกลับมาที่บริเวณขายตั๋วทัวร์สนามอีกครั้ง จากนั้นขึ้นไปยังชั้น 2 ก็จะพบกันพิพิธภัณฑ์ของสโมสรลิเวอร์พูล
 |
ป้ายนี้บ่งบอกชื่อของผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 96 คนในโศกนาฏกรรมที่ฮิลล์สโบโร่ |
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับลิเวอร์พูล ไล่ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน สนามในอดีต ประวัตินักเตะและผู้จัดการทีมในตำนาน ถ้วยแชมป์ต่างๆที่ลิเวอร์พูลเคยได้ แน่นอนไม่มีถ้วยพรีเมียร์ลีก (เพื่อนผีแดงแมนยูของผมมันฝากให้มาดูให้หน่อย น่าตบจริงๆ :( )
 |
แบบจำลองสนามในสมัยเริ่มแรก (100 กว่าปีมาแล้ว) |
 |
Time line ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล |
แต่ที่พลาดไม่ได้เลยคือ ถ้วยที่สำคัญสุดๆคือถ้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกส์ ที่เอาชนะทีมเอซี มิลานเมื่อปี 2005 อย่างสุดยอด ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นแชมป์ยุโรป 5 สมัย มากกว่าใครในเกาะอังกฤษ (อิอิ) ทางยูฟ่าเลยให้ถ้วยจริงมาเก็บไว้เลย
 |
เสื้อของใครเอ๋ย ? |
 |
ไม่พลาดที่จะได้ใกล้ชิดกับถ้วยแชมป์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล :)
|
หลังจากดื่มด่ำกับความสำเร็จและประวัติศาสตร์อันน่าตื่นเต้นของลิเวอร์พูลจากในพิพิธภัณฑ์กันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาต้องแวะเข้า shop ไปซื้อของเล็กๆน้อยๆติดไม้ติดมือก่อนกลับซะหน่อย ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะซื้อเสื้อลิเวอร์พูลของจริงจากที่นี่ ที่สนามแอนฟิลด์แห่งนี้ ซึ่งเสื้อของจริงราคาค่อนข้างแพงหน่อย รวมค่าปักชื่อปักเบอร์ก็ประมาณ 70 ปอนด์ (3500 บาท) ต่างจากที่ไปซื้อหลังสนามศุภ (คนเตะบอลรู้ดี) ที่ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 300-400 บาท แม่เจ้า ต่างกันโคตรเยอะ แต่ไม่เป็นไร ซื้อไว้เป็นที่ระลึก เอาความรู้สึกเป็นที่ตั้ง อีกอย่าง ได้ของแถมเป็นผ้าขนหนูลิเวอร์พูลด้วย ฮ่าฮ่า
 |
Shop ของลิเวอร์พูล มีของขายเยอะพอสมควร |
 |
เสื้อฟุตบอล มีทุก Size ตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ |
 |
มีช็อกโกแล็ตตราลิเวอร์พูลด้วย กินแล้วจะร้อนแรง ฮ่า |
แวบแรกผมคิดจะปักชื่อของสตีเวน เจอร์ราร์ด แต่ผมก็เปลี่ยนใจมาปักชื่อของดาวรุ่ง Raheem Sterling เพราะคิดว่าเค้าจะกลายเป็นตำนานของทีมในอนาคต (แต่ตอนนี้จะเผาเสื้อทิ้งละ ฮ่า)
 |
รายชื่อและเบอร์ของนักเตะลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ รวมถึงราคาค่าปัก |
ซื้อของกันเสร็จเรียบร้อย พวกผมก็ออกมายืนกันอยู่หน้าสนามแอนฟิลด์ และปรึกษากันว่าจะไปไหนต่อดี เพื่อนผมก็เลยเสนอว่า ลองเดินไปดูสนามของเอฟเวอร์ตัน (Everton) มั้ย อยู่ไม่ไกลกันมาก (ทีมเอฟเวอร์ตันเป็นทีมร่วมเมืองของลิเวอร์พูล และเป็นสาเหตุที่เมืองลิเวอร์พูลไม่ใช่สีแดงทั้งเมือง) ผมก็อยากเห็นเหมือนกัน ก็เลยตกลงว่าจะไปที่สนามกูดิสันปาร์คของเอฟเวอร์ตันกันต่อ
คุณรู้หรือไม่ สนามเอฟเวอร์ตันกับลิเวอร์พูลนั้นห่างกันเพียงแค่สวนสาธารณะกั้นเท่านั้นเอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น