วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Liverpool ที่รัก 16: ส่งจดหมาย และ Merseyside Maritime Museum

 หลังจากที่เมื่อวันก่อน (พูดเหมือนหลายวัน จริงๆก็คือเมื่อวาน) ผมได้เขียนจดหมายซะยาวเหยียด และไปซิวเอาโปสการ์ดสวยๆมาจากสถานีรถไฟแล้ว วันนี้ (2-10-2014) ผมก็เลยต้องหาว่าจะส่งกลับไทยได้ยังไง ผมได้ข้อมูลแว่วๆมาว่ามีซองจดหมายขายอยู่ที่ร้านในใจกลางเมืองแถวๆโซนที่เรียกว่า ลิเวอร์พูลวัน (Liverpool One) วันนี้เป็นอีกวันที่ว่าง (?) ผมเลยสะพายกระเป๋าแล้วเดินตะลุยสำรวจเมืองอีกครั้ง ก็เดินมาตามทางที่เคยเดิน ผ่านมหาลัยที่ยังไม่ได้เข้าไป เดินดิ่งมาทาง Radio Tower ที่เป็นเหมือนเครื่องบอกทิศสำหรับคนมาใหม่ (ฮ่า) เดินลุยมาตามทาง เราก็จะเห็นว่ามันเป็นแหล่งช็อปปิ้งใจกลางเมืองมากขึ้น มีร้านค้าหลากหลายร้านตั้งอยู่เรียงราย 2 ข้างทาง บางร้านก็เหมือนเป็นแบบขาจร ที่พอตกเย็นก็จะปิดแล้วมีรถลากออกไปอะไรยังงี้ หรือบางทีก็เป็นรถเลย อธิบายไม่ถูก ดูรูปเอาแล้วกัน ฮ่า
ร้านขายต้นไม้ดอกไม้ มีดอกไม้แปลกๆเยอะเลย
แต่ละกระถางนี่ ราคาเอาเรื่องเหมือนกันนะ
มีต้นกระบองเพชรขายเหมือนที่ไทยเลย แต่แพงกว่า
มีอันที่แปลกคือทำไมต้องติดตาปลอมกับต้นกระบองเพชรบางต้นด้วย ฮ่าฮ่า
ผมเดินมาถึงร้านเครื่องเขียน ชั้นล่างขายหนังสือ ส่วนเครื่องเขียนจะมีขายที่ชั้นบน และมีไปรษณีย์อยู่ชั้นบนด้วย ผมเดินดูรอบๆก็ได้ซองจดหมายมา 3 ซอง จากนั้นก็เอาจดหมายและโปสการ์ดใส่ซอง เตรียมเอาลิ้นเลียปิดซองก็เหลือบไปเห็นว่าเค้ามีกาวให้อยู่ (อดเลย อิอิ) แล้วก็ต้องไปต่อคิว คิวยาวพอสมควร แต่เค้าก็มีหลายช่องให้บริการอยู่ พอถึงคิวปุ๊บผมก็เดินเข้าไป พนักงานก็ถามว่าจะส่งอะไร ผมก็บอกว่าจะส่งจดหมายไปประเทศไทย เค้าก็จะเอาซองจดหมายไปชั่งน้ำหนัก แล้วก็ติดแสตมป์ให้ ปั๊มๆตรา แล้วก็เรียกเก็บเงิน ปรากฏว่าโดนไป 2.15 ปอนด์ (ประมาณ 100 บาท) เสร็จปุ๊บโยนจดหมายตุ้บลงถุงใบใหญ่ๆข้างๆตัวแก ผมถามเค้าว่าประมาณกี่วันจะถึงไทย เค้าก็บอกว่าอาจจะสัก 2 สัปดาห์ไม่เกินนี้ ผมก็โอเค แล้วก็เซย์แต๊งกิ้วกู๊ดบาย ผมก็ได้แต่หวังว่าจดหมายจะยังคงสบายดีจนกว่าจะถึงมือแม่ผมนะ (คือไว้ใจระบบไปรษณีย์ของอังกฤษ แต่พอเข้าไทยปุ๊บ กลัว บอกเลย ฮ่า )

สภาพบริเวณ Liverpool One คนพลุกพล่าน
 Shop ของลิเวอร์พูลตั้งอยู่ตรงนี้อีกที่นึง
หลังจากจบสิ้นภารกิจส่งจดหมาย ก็ได้เวลาเดินเที่ยวต่อ (ฮ่า) วันก่อนนู้น (อีกละ) ผมเห็นว่าที่แถวๆ Albert Dock มีหลายๆอย่างน่าสนใจอยู่ ก็น่าจะไปเดินดูอีกรอบว่ามันมีอะไรบ้าง  โดยตอนนี้ผมอยู่ที่ลิเวอร์พูลวัน (ทับศัพท์เลยนะ จะแปลว่าหนึ่งลิเวอร์พูลก็ดูตลกไปหน่อย -_-) ระหว่างเดินไปก็สังเกตเห็นว่าร้านค้าแถวๆนี้คือหรูหรามาก เป็นแบรนด์ดังๆทังนั้น เหมาะสำหรับสาวๆขาช็อปทั้งหลาย รับรองเดินแถวนี้ครึ่งวันก็หมดครึ่งแสนชัวร์ ฮ่าฮ่า
ร้านค้าแบรนด์ดังกระจุกตัวอยู่แถวๆนี้เพียบไปหมด
เดินดุ่ยๆออกมาสักพักก็เจอทางเดินที่มุ่งไปสู่ Albert Dock วันนี้แดดแรง แต่หนาววว ระหว่างทางก็เจอคนร้องเพลงเล่นดนตรีเปิดหมวกบ้างอะไรบ้าง ก็ดูแปลกหูแปลกตาดี  

พ่อหนุ่มคนนี้ดีดกีตาร์แล้วก็ร้องเพลงเสียงดังทีเดียว
อันนี้ผมขึ้นบันไดไปชั้นบนแล้วแอบถ่ายลงมา อิอิ
ตึกรูปร่างประหลาด ดูคล้าย ๆ เรือ กระจกใสแจ๋ว
ระหว่างทางเดิน มองเห็น Albert Dock ไกลๆนู่น
เวลาข้ามถนนก็ต้องรอสัญญาณไฟกันก่อน แล้วต้องข้ามในโซนที่เค้ากำหนดด้วยนะ
สองหนุ่มนักดนตรี อันนี้เสียงดังมากบอกเลย ได้ยินไกลมาก
ให้ตังค์พี่แกก่อน แล้วขอถ่ายรูป ฮ่า
ผมเดินลัดเลาะมาทางฝั่งบ้านที่มีเสาใหญ่ๆงอกออกมาเหมือนปล่องไฟ (แต่ไม่ใช่มั้ง) เขียนว่า The Pump House เข้าไปดูใกล้ๆก็เหมือนเป็นร้านอาหาร ดูน่ารักดี เดินมาอีกนิดก็จะพบกับจุดหมายแรกของผมในวันนี้ นั่นคือ Merseyside Maritime Museum 
Albert Dock ในยามแสงแดดส่องสุดแรง วงๆไกลๆนู่นเค้าเรียกกันว่า  echo wheel of liverpool
( จะได้สัมผัสใกล้ชิดเร็วๆนี้ :) )
The Pump House
นักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่
ด้านหน้า The Pump House
ตาลุงนี่ถ่ายอะไร ?
ดูจากข้างหน้าก็พอจะรู้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอะไรเรือๆ การเดินทางในสมัยก่อน หรืออะไรทำนองนี้แน่ๆ 

ด้านหน้ามิวเซียม
สมอเรือใหญ่ไปมั้ย ?
โดยในเว็บของพิพิธภัณฑ์นี้ได้จำกัดความตัวเองเอาไว้ว่า ( Eng เลยละกัน เราเข้า AEC กันแล้ว (จริงๆคือขี้เกียจแปล ฮ่า))

...Merseyside Maritime Museum is in the Albert Dock, Liverpool. It contains a variety of objects associated with the social and commercial history of the port of Liverpool. Highlights include ship models, maritime paintings, colourful posters from the golden age of liners and even some full sized vessels. There is also the major current exhibition Titanic and Liverpool: the untold story, which tells the story of Liverpool's links to the ill-fated liner. The Museum also houses the International Slavery Museum (on the third floor) as well as the Border Force's national museum: Seized! The Border and Customs uncovered (in the basement).... http://www.liverpoolmuseums.org.uk/maritime/about/

สรุปก็ ในมิวเซียมนี้จัดแสดงเรื่องหลักๆอยู่ 3 อย่าง คือ การค้าทาสและการอพยพ การค้าขายทางเรือ และเรือไททานิค คืออย่างที่เคยเกริ่น (รึยัง) ว่าเมืองลิเวอร์พูลนี้ ในสมัยก่อนนั้น เป็นท่าเรือที่สำคัญมากของเครือจักรภพ ทุกสินค้าในโลกนี้จะมารวมกันอยู่ที่นี่ รวมถึงการค้าทาสจากแอ๊ฟฟริกา และในผมก็เพิ่งรู้จากที่นี่ว่า เรือไททานิคก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองลิเวอร์พูลด้วย (กล่าวไปแล้วในตอนแรกๆ)

ในการมาครั้งแรกนี้ ด้วยความที่ไม่รู้ และไม่กล้าถาม ก็เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูป กลัวโดนจับแล้วเค้าพังกล้องอะไรทำนองนั้น (ฮ่า) ก็เลยมีรูปน้อยไปนิด อีกอย่าง ก็ไม่รู้จะถ่ายอะไร เพราะอยากจะอ่านจะดูมากกว่าหยิบกล้องเข้าๆออกๆ ฮ่าๆ แต่ก็ถ่ายมาบ้างนะ พวกของหายากหรือของเก่าอะไรแบบนี้
หุ่นแกะสลัก รู้สึกจะเป็นวัฒนธรรมแอ๊ฟฟริกา
อันนี้เลย เป็นรูปของทาสในสมัยก่อน ทุกคนถูกจับมาเขียนตัวอักษร แล้วยืนเรียงเป็นคำว่า Merry X' Mas
โหดร้ายจังเลย
รูปทาสถูกจับมายืนเรียงๆกันเป็นประโยค
อันนี้เป็นรูปของคนผิวสี ที่ได้ดิบได้ดี ซึ่งบ่งบอกว่า ไม่ว่าคุณจะผิวสีอะไร คุณก็เป็นคนที่มีคุณค่าต่อโลกนี้ได้ไม่แพ้คนผิวขาว เจ๋งเลย
รูปคนสำคัญต่างๆที่มีผิวสี มีโอบาม่าด้วย
ส่วนอันนี้ พีคมาก เป็นคำพูดเสียดสีชาวอังกฤษ แปลเป็นไทยแบบพันธมิตรแปลก็จะได้ว่า พวกปีศาจชั่วร้ายคือพวกคนอังกฤษ ซึ่งพวกมันจะบังคับให้ทุกอย่างทำงาน ทั้งนิโกร (พวกแอฟริกา) ม้า ลา ท่อนไม้ และสายลม (โหดป่ะล่ะ)
คำพูดเสียดสีชาวอังกฤษ พวกคุณนี่ร้ายจริงๆ
ผมเดินดูไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ ชั้น 3 ปิดปรับปรุงบางส่วน ผมก็เลยดูเท่าที่ดูได้ไปก่อน 

ไททานิคและลิเวอร์พูล เรื่องเล่าที่ไม่เคยได้เล่า
วิวของ Pier Head เมื่อมองจากชั้น 3 หวาาา สวยย :)
ผมขึ้นไปชั้น 4 ก็พบว่าข้างบนเป็นร้านอาหาร วิวดีทีเดียว แต่ราคาก็ตามวิวที่ดีนั่นแหละ ว่าแล้วก็ลงดีกว่า 
วิว Albert Dock เมื่อมองจากร้านกาแฟข้างบน
ผมลงมาด้านล่าง อากาศยังคงเย็นเช่นเดิม มีลมพัดมาจากแม่น้ำด้วย แต่ว่าวันนี้อากาศดีมากๆ ไม่มีเมฆฝนเลย ทำให้บรรยากาศดูน่าเดินเล่นและมาปิกนิค
ดูบรรยากาศสบายๆดีนะวันนี้
รถไอติมก็มีขายอยู่ทั่วไป แต่หนาวไปหน่อยนะวันนี้ ผมขอบายล่ะ
เก้าอี้นั่งภายใต้แสงแดด ตึกเหลี่ยมไกลๆนั่นคือจุดหมายต่อไป
Museum of Liverpool
 เดินไปตามทางไม่ไกลนักเราก็จะมาพบกับ Museum of Liverpool  ซึ่งเป็นมิวเซียมที่เปิดให้เข้าฟรี (อันที่แล้วก็ฟรีนะ) ซึ่งดูแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นมิวเซียมที่ต้องเกี่ยวกับเมืองลิเวอร์พูลอย่างละเอียดแน่ๆ พอเดินไปใกล้ๆ เราก็จะพบว่ามีเจ้าตัวพวกนี้อยู่เต็มไปหมด มันคือ Superlambanana หุ่นประหลาดพวกนี้เป็นหุ่นที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อคราวที่เมืองลิเวอร์พูลได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรปในปี 2008 ซึ่งมีตัวหลักๆคือสีเหลือง ส่วนตัวอื่นจะเป็นลวดลายต่างๆนาๆ แล้วแต่อารมณ์ศิลปินนะจ๊ะ
เพียบบกันไปหมด
ตัวนี้น่ารักดี ดูอาร์ต
แล้วมิวเซียมแห่งนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนะ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น