วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Liverpool ที่รัก 10: วันแรกในลิเวอร์พูล 4 (จบวันแรก)

Museum of Liverpool  วันนี้แค่ผ่านไปก่อน
ผมเดินลัดเลาะทางเดินริมแม่น้ำ ผ่าน Museum of Liverpool ซึ่งวันนี้เย็นมากแล้วก็เลยปิด (ปิด5โมงเย็น) วันนี้ก็เลยต้องผ่านตึกรูปทรงแปลกๆนี้ไปก่อน ระหว่างทาง ผมสังเกตุว่ารั้วที่กั้นไม่ให้คนเข้าใกล้แม่น้ำมากเกินไปนั้น มีกุญแจแห่งความรักล็อกอยู่หลายคู่ (ทำยังกะเกาหลี) แต่ไม่ได้เยอะจนขนาดเต็มพรืดไปทั้งรั้วนะ นึกในใจว่าแปลกดี ไว้จะมาทำมั่ง (ฮ่า)

กุญแจแห่งความรัก หวานซะ !
ระหว่างทางยังมีของน่าสนใจอีกอย่างนึงก็คือ รูปปั้นสัตว์อย่างนึง ที่มีชื่อเรียกว่า Superlambanana ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่าง Lamp และ Banana (สินค้าที่ถูกส่งมาที่เมืองนี้เป็นจำนวนมากในสมัยก่อน) โดยในปี 2008 นั้น เมืองลิเวอร์พูล ได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป หุ่นของเจ้าพวกนี้เลยถูกสร้างขึ้นแล้ววางไว้ทั่วเมืองลิเวอร์พูล (ไว้ถ้าเจอจะเอารูปมาลงอีก) แต่ละตัวก็จะมีลายหลากหลายรูปแบบกันไป (แต่ห้ามขึ้นไปขี่เล่นนะ โดนจับ)
Superlambanana มีหลายแบบเลย
Superlambanana อีกแบบหนึ่ง เท่ดีนะ
ผมเดินมาจนถึงบริเวณที่เรียกว่า Albert Dock แล้ว อัลเบิร์ต ด๊อกคืออะไร ?  (ไม่ใช่หมานะ)  อัลเบิร์ต ด๊อก ก็คือโกดังเก็บสินค้าและเป็นอู่จอดเรือสำหรับขนส่งสินค้าในสมัยก่อน สร้างขึ้นในปี 1841 โดยสร้างจากเหล็กหล่อ อิฐ และหิน ซึ่งเป็นตึกแรกในอังกฤษเลยที่ไม่ใช้ไม้เป็นองค์ประกอบของอาคาร (ว้าว) ตึกสีแดงๆส้มๆนี้เป็นที่รองรับสินค้าต่างๆ อาทิ ชา กาแฟ ผ้าไหม ฝ้าย ในสมัยรุ่งเรือง ก่อนจะโดนระเบิดไปบ้างในช่วงสงครามโลก และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้ในด้านการขนส่งสินค้าอีกเลย
อาคารเก่าบริเวณริมน้ำ ด้านหลังนู่นคืออัลเบิร์ต ด็อก
ทุกวันนี้ อัลเบิร์ต ด๊อก คือสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของลิเวอร์พูล ใครมาที่เมืองนี้ก็ต้องมาแวะที่นี่ด้วย ด้วยสภาพของตึกที่ดูเก่าแก่ มีเรือแบบโบราณจอดอยู่ทั่วไป มีคาเฟ่เล็กๆให้นั่งจิบชากาแฟหรือหม่ำฟิชแอนชิฟอย่างสบายใจ มีร้านขายของที่ระลึกเยอะมากตรงนี้ นอกจากนี้ยังมี Merseyside Maritime Museum ที่เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับทะเลของลิเวอร์พูล(ไว้จะมาเล่าว่ามีอะไรบ้าง) และ Tate Gallory  สาขาลิเวอร์พูล ที่รวมงานศิลปะมากมายมาให้ดูชม ตั้งอยู่บริเวณนี้ด้วย
Albert Dock ในมุมที่คุ้นเคย

Albert Dock ด้าน Merseyside Maritime Museum และผับชื่อ The Pump House
 พูดถึงฟิชแอนด์ชิฟ (Fish and Chip) มันคืออาหารอย่างนึง เป็นที่นิยมมากในอังกฤษ เป็นปลาชุบแป้งทอดเสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งทอด ปลานั้นเป็นปลาทะเล แล่เอามาด้านนึงแล้วชุบแป้งทอด ร้านสเต๊กลุงหนวดในบ้านเรามี แต่ไม่อร่อยเท่า (ในความรู้สึกของผมนะ ฮ่า) ผมนี่กว่าจะได้กินอาหารยอดนิยมนี้ก็หลังจากวันนี้อีกเป็นเดือน ฮ่า (ไว้มาเล่า)
อีกมุมหนึ่งของ Albert Dock
ผมเดินทะลุช่องตึกออกมาอีกด้านนึง ตรงนี้ มีชิงช้าสวรรค์ ? (เรียกซะเป็นงานวัดเลย) ชื่อว่า The Wheel of Liverpool คือคล้ายๆกับลอนดอนอายส์ (ที่เป็นชิงช้าสำหรับชมเมืองในมุมสูงนั่นเอง) แต่อันนี้เล็กกว่า ฮ่า ที่ติดกันเป็น Echo Arena เอาไว้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ๆหรืองานสำคัญ เช่น พิธีมอบรางวัลนักเตะของสโมสรลิเวอร์พูลในช่วงสิ้นฤดูกาล เป็นต้น 
The Wheel of Liverpool ด้านหลังคือ Echo Arena
ตรงนี้ยังมีอีกอย่างนึงคือ The Beatles Story ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บเรื่องราวของวงดนตรี The Beatles เอาไว้ ใครที่เป็นสาวกของวงนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด วงดนตรีนี้ดังมากๆ มากจริงๆ (จากความรู้สึกที่อยู่ลิเวอร์พูล) ทุกคนดูจะร้องเพลงของ The Beatles ได้ หากใครอยากเริ่มฟัง แนะนำเพลง Yellow Submarine ! ฮ่า
ป้าย Albert Dock บอกว่ามีอะไรตรงนี้บ้าง
...................................................

มีเรื่องนึงที่ควรค่าแก่การบอกกล่าว ณ ที่นี้ หากยังจำกันได้ ผมเคยบอกว่า ในสมัยม.ปลาย (จริงๆคือ ม.6) หนังสือเรียนภาษาอังกฤษเล่มนึงได้เอาเรื่องของเมืองลิเวอร์พูลมาสอน มีบทหนึ่งว่าด้วยเรื่องของเพลงของวง The Beatles เพลงนั้นมีชื่อว่า when i'm 64 อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษเอาเพลงนี้มาเปิด แล้วให้ทุกคนร้องตาม ผมชอบเพลงนี้มาก จำเพลงนี้เอาไว้ตลอด เวลาฟังเพลงนี้ทีไรมักจะนึกถึงอาจารย์คนนี้ทุกครั้ง อาจารย์เป็นคนที่สอนดีมาก แม้จะดูดุ แต่จริงๆแล้วจารย์ใจดีมาก แต่อาจารย์ท่านนี้นั้นก็ได้จากโลกนี้ไปแล้วด้วยโรคร้าย ซึ่งรุ่นผมเป็นรุ่นสุดท้ายที่ได้เรียนกับท่าน 

ผมอยากบอกกับอาจารย์ว่า จากการตั้งใจเรียนของผมและการเคี่ยวเข็ญของอาจารย์ ทำให้ผมได้มายืนอยู่ในเมืองที่เป็นผมใฝ่ฝัน และเป็นจุดกำเนิดของเพลงที่อาจารย์สอนแล้วครับ :)
................................................... 
รถขายไอติม น่ารัก :)

วิวของเมืองลิเวอร์พูลเมื่อมองจาก Albert Dock
กลับมาที่อัลเบิร์ต ด๊อก ตอนนั้นเวลาเกือบ ๆ 6 โมงเย็นแล้ว ผมตัดสินใจว่าน่าจะกลับที่พักสักที ระหว่างทางสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ฝนตก! ผมเพิ่งเข้าใจอากาศแบบอังกฤษว่าเป็นแบบนี้นี่เอง แม้ว่าอากาศจะหนาว ลมแรง แดดก็ยังแรงอยู่ มีเมฆนิดเดียว แต่ฝนก็ยังตกได้ ตกแป๊บเดียวก็หยุด เมฆหายไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 
ฝนตกลงมาซะงั้น แม้ว่าแดดจะเปรี้ยง

รุ้งหลังฝนกับวิวเมืองอีกด้านหนึ่ง
ผมเดินข้ามสะพานไปสู่ถนนอีกด้านหนึ่งของอัลเบิร์ต ด๊อก และนั่งพักสักครู่ ทบทวนชีวิตในวันนี้ และก็พบสัจธรรมว่า ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนจริงๆ วันก่อนยังอยู่ไทยเอารถไปซ่อมแอร์ เมื่อวานแทบจะหลงทางอยู่กลางลอนดอน วันนี้มาเดินทอดน่องในลิเวอร์พูลเสียแล้ว คิดแล้วก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ว่า ขนาดวันแรกยังมีอะไรที่น่าดูชมมากมายขนาดนี้ แล้วอีก 99 วันจะขนาดไหน แล้วเรื่องดูบอลอีกล่ะ หูย แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วววว ฮ่าฮ่า
เก้าอี้นั่งชิลล์ๆ แถวๆ Albert Dock

ลงรูปตัวเองบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่ได้ไปเอง ฮ่าฮ่า
ผมเดินกลับหออย่างเร่งรีบ เพราะว่าเริ่มจะเย็นมากแล้ว ผมแวะร้านเทสโก้ ซื้อน้ำและขนมเอาไปกินบนห้องด้วยแป๊บนึง ผมเดินกลับไปทางเก่า ไม่นานนักก็มาโผล่บริเวณทางแยกที่จะมุ่งไปสู่หอของผม เมื่อมาถึงที่พัก อากาศก็เริ่มมืดพอดี

วันแรกของผมจบลงแล้ว และพรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของผม
เพราะจะเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ผมได้ไปเหยียบแอนฟิลด์ !!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น