วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Liverpool ที่รัก 7: วันแรกในลิเวอร์พูล 1

30 กันยายน 2557

ผมตื่นขึ้นมาตอน 7 โมงเช้า ด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างหนาว (เมื่อคืนไม่ได้เปิดฮีทเตอร์ เพราะเปิดไม่เป็น ฮ่าฮ่า) สิ่งแรกที่ทำคือลุกไปดูวิวข้างนอกหน้าต่าง นี่เหรอคือเมืองลิเวอร์พูล ไมมันดูเงียบเชียบยังงี้เนี่ย สงสัยยังเช้าอยู่มั้ง
ภาพแรกของเมืองลิเวอร์พูล
 ผมล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว จากนั้นเก็บของทั้งหมดลงไปในกระเป๋า เมื่อพร้อมแล้วใกล้เวลา 8 โมง ผมก็เดินลงไปที่ office ทันที เจ้าหน้าที่ในนั้นต้อนรับดีมาก เพียงแค่บอกว่าผมมาจาก Thailand แกก็พาผมไปที่ห้องทันที แล้วก็บอกว่าจริงๆเตรียมห้องไว้แล้วแหละ เพียงแต่ไม่ได้แจ้งทางยามตอนกลางคืนไว้ เพราะไม่คิดว่าจะมาถึงดึกๆ ผมก็เออออไปตามเรื่อง เค้าก็พาไปที่ตึกอีกด้านหนึ่ง ขึ้นไปชั้นสอง แล้วก็ไขห้องๆหนึ่งให้ ผมชะโงกหน้าเข้าไปดู อ้าว คล้ายห้องที่นอนเมื่อคืนเลยนะเนี่ย เพียงแต่ดูสะอาดกว่า

เจ้าหน้าที่ก็แนะนำอะไรหลายๆอย่าง เป็นต้นว่า ห้องคุณคือ 1A 5 2 นะ หน้าต่างเปิดได้แค่นี้นะ อย่าอ้ามาก (เปิดได้แค่ 10 เซ็นต์มั้ง)  อินเตอร์เน็ทใช้ได้ฟรีนะลองเข้าระบบดู มีตู้ซักผ้าอยู่ข้างล่างตรงร้านขายของนะ ส่วนห้องน้ำก็มีน้ำอุ่นให้อาบนะ น้ำก๊อกฝั่งเย็นดื่มได้ แต่ฝั่งร้อนดื่มไม่ได้นะ ระวังด้วยน้ำร้อนมากๆ (เปิดก๊อกให้ดูด้วย ควันขึ้นเลย) ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมก็ลงไปถามที่ office ได้นะ เออ เดี๋ยวจะให้แม่บ้านเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้ด้วย ตามสบายเลยนะ
สภาพห้องใหม่ ไม่ต่างจากห้องเดิมมาก แค่เปลี่ยนด้าน

ป้ายหน้าหอ
มีกล่องใส่จดหมายให้ด้วย

ผมเซย์กู๊ดบาย แล้วก็ปิดประตู นั่งพักสักครู่ แวบแรกที่คิดคือ อยากบอกพ่อกับแม่ว่าปลอดภัยแล้ว (พ่อกับแม่เป็นห่วงมาก ยิ่งรู้ว่าไม่มีคนมารับที่สนามบินด้วย แกกลัวผมหลง) ผมเลยหยิบคอมพ์มาเปิดแล้วลองเข้าอินเตอร์เน็ทดู ปรากฎว่ามีเป็นระบบ Wi-Fi เล่นได้ฟรี เร็ว 20 Mb ผมเลยเข้าเฟสบุ๊คแล้วส่งข้อความหาแฟนผมว่าถึงแล้วปลอดภัย ฝากโทรบอกพ่อแม่ด้วย (อย่าเพิ่งมองว่าผมเป็นลูกอกตัญญู พ่อแม่ไม่ได้เล่นโซเชี่ยว เลยต้องฝากคนอื่นบอก แฮ่ม !) แฟนผมก็ตอบกลับมา แสดงว่ารับรู้แล้ว โอเค โล่งไปเปราะนึง

ผมรื้อของจากกระเป๋าและจัดของ ผมก็พบว่าผมขาดของบางอย่าง ที่แน่ๆเลยคือปลั๊ก 3 ตา ซึ่งหัวเสียบของที่นี่ต่างจากของไทย  เอามาจากไทยอันนึงแต่ใช้ด้วยกันไม่ได้  แล้วก็ต้องซื้อกระดาษทิชชูด้วย เพราะในห้องน้ำไม่มีสายฉีด (ที่นี่ใช้กระดาษเช็ดก้น)

ผมแต่งตัวอีกครั้งเพื่อจะไปซื้อของ และกระสันต์อยากจะไปเดินสำรวจเมือง (ฮ่า) ผมเดินไปถามคนที่ออฟฟิศได้ความว่า บริเวณใจกลางเมืองนั้นมีห้างร้านอยู่เยอะแยะ อยากได้อะไรก็ลองเดินไปดูนะ กลางเมืองจะอยู่ตรง Radio Tower นั่นล่ะ (หอสูงๆที่เห็นเมื่อคืน) ผมก็โอเค เดินออกจากหอไปตามทางที่เค้าบอก

ผมเดินไปตามถนนที่มีรถวิ่งขวักไขว่ (ต่างจากเมื่อคืน) ผมเน้นเดินไปตามถนนจะได้ปลอดภัย ระหว่างที่เดินไปก็ได้ผ่านมหาวิทยาลัยที่ผมต้องมาทำวิจัยด้วย

Liverpool John Moores University
ต้องข้ามถนน เดินบนสะพานลอย

ภาพเมืองลิเวอร์พูลบริเวณ World Museum
เดินมาสักพัก ผ่าน World Museum (ไว้จะมาเล่าว่าที่นี่มีอะไรบ้าง) ผมก็มาพบกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทีมลิเวอร์พูลอย่างแรก


  มันคืออนุเสาวรีย์ที่ทำไว้เพื่อระลึกถึง 96 ชีวิตแฟนบอลลิเวอร์พูลที่เสียชีวิตจากโศกนาฎกรรมที่ฮิลส์โบโร่ ก็คือว่าคนเบียดเสียดกันเข้าไปดูบอลเยอะมากเกินไปเลยมีการเหยียบกันตาย ผมเห็นมีพวงมาลัยดอกไม้พวงหนึ่งมาวางไว้ด้วย ยืนดูยืนอ่านอยู่แป๊บนึงก็ทำเอาเศร้าไปด้วยเลย

บริเวณที่ผมเดินผ่านนั้นก็มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างเหมือนกัน อาทิเช่น สวนสาธารณะ St John's Gardens (ยังไม่ได้เดินเข้าไปดูอะไรเท่าไหร่), St George's Hall (อาคารสไตล์โรมันหรือกรีกทำนองนั้น ใหญ่มากก ตั้งอยู่กลางเมืองเลย ดูคลาสิกมากๆ) นอกจากนี้ยังมีของหน้าสนใจอีกหลายอย่างที่ผมถ่ายรูปเอาไว้

บรรยากาศของเมืองลิเวอร์พูลมุมหนึ่ง
เอ๊ะ นั่นมันสถานีรถไฟ Liverpool Lime Street ที่ผมมาถึงเมื่อคืนนี่นา ลองไปดูหน่อยซิว่ามีอะไรบ้าง....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น