วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Liverpool ที่รัก 3: ลาก่อน Thailand

4 วันสุดท้ายก่อนการเดินทางช่างเป็นอะไรที่วุ่นวายสิ้นดี

พฤหัสบดีที่ 25 กันยายน 2557
เริ่มต้นด้วยการโทรไปจองตั๋วเครื่องบินอย่างด่วนจี๋ โชคดีว่าจองได้ในราคาที่ไม่แพงมากนักกับสายการบินบริติชแอร์เวย์ (ไป-กลับ -36,500 บาท บินตรง 12 ชั่วโมง) ตามด้วยการส่งอีเมลล์ไปยืนยันกับทางอังกฤษว่าเราจะไปจริงๆแล้วนะ ไม่หลอกแน่นอน ฮ่าฮ่า เรื่องของเรื่องคือจะถามว่าจะส่งคนมารับที่สนามบินมั้ย หรือให้ไปเอง ซึ่งถ้าให้ไปเองนี่ โห งานใหญ่เลยนะ เพราะเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกในชีวิต ตูจะหลงมั้ยวะเนี่ย..

จากนั้นก็ตระเวนซื้อเสื้อผ้าใหม่ ข้าวสารอาหารแห้ง ของใช้ส่วนตัว (ยังกะจะไปใส่บาตร) แล้วก็ถอยมือถือรุ่นใหม่ (ซัมซุง S4) ก็คิดว่ามันคงต้องใช้อ่ะนะ อย่างน้อยอยู่นู่นมีเน็ทใช้ เอาไว้ติดต่อกับคนที่ไทย ได้ดูแผนที่เวลาหลง ก็คงจะสะดวกดีไม่น้อย (ซึ่งพบว่ามันมีประโยชน์มากจริงๆ แทบจะเก็บไว้กราบไหว้บูชา) หมดเงินส่วนนี้ไปประมาณ 25,000 บาท แม่เจ้า ไม่เคยช็อปปิ้งทีเดียวเยอะขนาดนี้มาก่อน

ศุกร์ที่ 26 กันยายน 2557
คืนห้องที่หอพักและขนของกลับบ้านอย่างเร็วไว (ที่ไม่ได้คืนตอนแรกเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ไป เดี๋ยวไม่มีที่อยู่ ฮ่า) จากนั้นก็เริ่มรื้อของและจัดของลงไปในกระเป๋า พยายามดูว่าลืมอะไรไปบ้าง ก็คอยจดคอยมองหา ซึ่งวันรุ่งขึ้นก็ไปซื้อของมาเพิ่มอีกนิดหน่อย
โดยสรุป ของที่ยัดใส่กระเป๋าไปก็มีประมาณนี้

1. เสื้อยืดและเสื้อเชิ๊ต รวมแล้วประมาณ 15 ตัว
2. กางเกงยีน 3 ตัว กางเกงวอร์ม 1 ตัว (เอาไว้ใส่นอน)
3. เสื้อกันหนาว 2 ตัว
4. กางเกงใน 20 ตัว (กะไม่ซักกันเลยทีเดียว ฮ่าฮ่า) ถุงเท้า 5 คู่
5. หม้อข้าวและกาต้มน้ำ (แม่บังคับให้เอาไป)
6. มาม่าประมาณ 60 ห่อ โจ๊ก 5 ห่อ อาหารกระป๋อง และขนมจิปาถะอีกจำนวนหนึ่ง
7. อุปกรณ์การเรียน สมุดหนังสือ
8. ของใช้จิปาถะ สบู่ ยาสีฟัน ยาสามัญประจำบ้าน ปลั๊กไฟ กระบอกน้ำ ไรงี้

ของทั้งหมดที่ว่านั่นแบ่งใส่ไปในกระเป๋า 2 ใบ ก็ยัดมันเข้าไปจนหมดนั่นแหละ ก็พยายามควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินใบละ 23 กิโล นอกจากนี้ยังเอาโน๊ตบุ๊ค กล้องถ่ายรูป และเงินสดๆติดตัวไปในกระเป๋าเป้ด้วย โดยรวมแล้วถือว่าพะรุงพะรังมากๆ จะไปรอดมั้ยเนี่ย ฮ่า

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2557
วันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่เมืองไทยแล้วนะเนี่ย วันนี้คิดว่าจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด แต่ดันกลายเป็นว่าต้องเอารถไปซ่อมแอร์ ตั้งแต่เก้าโมงเช้ายันห้าโมงเย็น บ้าบอที่สุด นึกว่าจะเสร็จเร็ว เสียใจมาก กลายเป็นว่าไม่ได้อยู่กับที่บ้านเลย ยังดีหน่อยที่ตกกลางคืนก็ได้ไปหาไรกินกันกับครอบครัว คงอีกนานเลยกว่าจะได้กลับมาอยู่กับครอบครัวแบบนี้อีก
คืนสุดท้ายก่อนจากประเทศไทย ฮือ

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2557
วันนี้แล้วสินะที่เราจะต้องจากประเทศไทย ไปสู่อีกดินแดนนึงที่ฝันไว้ทั้งชีวิต (เศร้าเล็กๆ) แม่เรียกให้แหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า ง่วงมากๆเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ออกจากบ้านตอน 7 โมงไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อให้ทันเครื่องออฟตอน 11.20 น. พ่อดูตื่นเต้นมาก (แต่ทำเป็นเก็บอาการ รู้น่ะ) ญาติๆตามมาส่งกัน 2-3 คน มีเช่ารถหรูๆคนข้างบ้านมาด้วย เวอร์จริงๆ ฮ่าฮ่า รถติดพอสมควรเลย แต่ก็ไปถึงสนามบินตอนเกือบๆ 10 โมง ซึ๋งก็ต้องไปเช็คอินทันที ตอนนี้นี่เองที่เพิ่งรู้ว่า กระเป๋าใบนึงมันน้ำหนักเกิน มันหนักตั้ง 27 กิโลแน่ะ ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เหวอเลยครับ จากที่นึกว่าต้องจ่ายแค่กระเป๋าใบที่เพิ่มมา ไอ้เราก็ว่าเช็คมาดีแล้วนะ สุดท้ายอาของผมเป็นคนจ่ายให้ แกบอกว่า ไหนๆก็ขนมาม่ามาเต็มกระเป๋าแล้ว ก็เอาๆไปเถอะ ! -_-

ดำเนินการทุกอย่างเสร็จปุ๊บ แลกเงินอะไรกันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่จะต้องกล่าวคำอำลากันแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่ร้องไห้นะ เพราะว่าเรากำลังจะได้ไปในที่ที่เราอยากไปมาทั้งชีวิต แต่ว่าพอถึงเวลาจริงๆมันกลับทำไม่ได้แฮะ คนเราอ่ะเนอะ มันก็ต้องเศร้าอยู่ดีเวลาที่กำลังจะจากคนที่รักไปและจะไม่ได้เจอกันอีกตั้งหลายเดือน ทำให้เกิดอาการน้ำตาซึมนิดหน่อย (กระซิก)

ในช่วงนี้ผมนี่ยังกะเซเล็บ ทุกคนต้องการถ่ายรูปคู่ ถ่ายกันจนหนำใจ สุดท้ายก็ได้เวลาต้องออกเดินทาง พ่อแม่ลูกกอดกันกลมเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้น ผมก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปสู่ด่านตม. หันมาบ๊ายบายทุกๆคนอีกครั้ง 

เดินทางดีๆนะลูก (แม่ไม่ได้กล่าว แต่หอม) (พ่อกล่าว)
 
ผมกระชับเป้ใบใหญ่ที่แบกอยู่บนบ่า เป้ช่องซ้ายเสียบกระติกน้ำ เป้ช่องขวาเสียบกระป๋องพริงเกิ้ล (ไว้กินบนเครื่องบิน) แล้วก้าวเดินออกไป...

ประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และประสบการณ์อันล้ำค่าของชายคนหนึ่งกำลังจะเริ่มขึ้น...
.
.
.
.
.
.
.
.
ว่าแต่ Gate เครื่องบินที่จะต้องเดินไปขึ้น มันอยู่ไหนวะ !!!!

เครื่องบินลำที่ต้องเดินทางไป (พี่ส่งรูปมาให้)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น