วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Liverpool ที่รัก 9: วันแรกในลิเวอร์พูล 3

คราวนี้ ผมเดินออกจากหอไปอีกทางหนึ่งซึ่งเป็นคนละทางกับเมื่อเช้า ตอนนี้ประมาณบ่าย 3 โมง แดดแรงพอสมควร แต่อากาศเย็น มีลมพัดด้วย ผมเดินลัดเลาะไปตามถนนมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางที่คาดว่าจะเป็นริมแม่น้ำ (ดูในแผนที่จากกูเกิลแมพมาก่อนออกจากห้อง )

ผมบอกคุณรึยังว่า เมืองลิเวอร์พูลนั้น ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเมอร์ซี่ (Mersey River) ซึ่งเมืองลิเวอร์พูลหลักๆนั้นอยู่ด้านตะวันออกของแม่น้ำ (Liverpool Football Culb ก็อยู่ด้านนี้) ส่วนด้านตะวันตกนั้นเรียกว่า เบอร์เคนเฮด (birkenhead) ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของลิเวอร์พูลเช่นกัน รวมๆทั้งหมดนี้เรียกว่า Merseyside ซึ่งให้อารมณ์เป็นแบบมณฑลอะไรทำนองนั้น 

สมัยก่อนลิเวอร์พูลมีความเจริญมากเพราะว่าเป็นเมืองท่า สินค้าจากทั่วทุกมุมโลกจะมาขึ้นฝั่งที่นี่เป็นจำนวนมาก และที่นี่ก็เป็นจุดส่งออกสินค้าไปสู่ที่ต่างๆด้วยเช่นกัน เมืองลิเวอร์พูลจึงมีความเจริญเพราะเป็นเหมือนจุดศูนย์รวมสินค้าก่อนที่จะถูกส่งไปที่ต่างๆ คนในเมืองทำงานขายแรงงาน ทำงานเกี่ยวกับการขนสินค้าบ้าง ต่อเรือบ้าง เดินเรือบ้าง แต่ในปัจจุบัน การขนส่งแบบเดิมๆที่ใช้คนเคลื่อนย้ายนั้นไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะมีการพัฒนาการขนส่งแบบใส่ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นมา อีกทั้งสินค้าต่างๆก็ลดน้อยลง ดังนั้น หลังช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ลิเวอร์พูลก็ค่อยๆลดบทบาทของตัวเองลง 
..............................

ผมเดินไปตามถนน มองไปก็พบว่าบ้านเมืองแถบๆนี้นั้นดูค่อนข้างล้าสมัย บ้างสร้างด้วยอิฐสีส้มๆ มองดูเหมือนเป็นโกดังเก่าหรือที่เก็บของอะไรแบบนั้น ผมเดินไปถึงทางแยกหนึ่ง ต้องตัดสินใจว่าจะซ้าย ขวา หรือตรง ผมเลือกขวา เพราะว่าเห็นกังหันพลังงานลมอยู่ไกลๆ อยากไปเห็น (ฮ่า)

ยิ่งเดินยิ่งไกล มันจะพาไปไหนวะเนี่ย คนก็น้อย เริ่มรู้สึกเปลี่ยว ผมเลี้ยวซ้ายอีกครั้งแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ มาโผล่ที่ถนนเส้นนึง เอาไงต่อดี พอดีมีคนเดินผ่านมา ผมเลยลองถามดู คราวนี้ก็ได้พบกับประสบการณ์ใหม่บางอย่าง

"ลุง ผมจะไปตรงริเว่อร์อ่ะ (How do I go to the river? ประมาณนี้) ไปไงบอกหน่อย

ลุงทำหน้าเอ๋อ แล้วก็ถามว่าจะไปไหนนะ ผมก็บอก ริเวอร์ ลุงก็ฮะๆๆ ผมก็ริเวอร์ๆๆ แกก็ยังดูงงๆอยู่ ผมเลยบอกว่า Mersey River อ่ะ แกก็อ๋อออออ แล้วก็บอกว่า River !

คือจริงๆแล้วมันต้องออกเสียงประมาณว่า "ริเฟว่อร์" -_- ฮ่าฮ่าฮ่า เพิ่งรู้ว่าภาษาอังกฤษมันไม่ง่ายนะจ๊ะ

ข้ามเรื่องริเฟว่อร์ไปเถอะ,,,แกก็อธิบายว่า คุณต้องเดินไปอีกทางนะ คุณเห็นตึกสูงๆนั่นมั้ย มองมันไว้ แล้วเดินไปหามันเลย สักพักคุณจะเห็นทางเดินเลียบริมแม่น้ำเองแหละ

ทางรถไฟเกาที่ยังคงเหลือร่องรอยอยู่ ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ Mersey
ผมเดินตรงไปยังตึกนั่นตามที่ลุงบอก สักพักผมก็เริ่มมองเห็นถนนที่จะนำไปสู่ทางเดินริมแม่น้ำ เมื่อผมเดินไปถึง ผมก็ได้พบกับบรรยากาศของโกดังเก่าริมน้ำ มีหัวหมุดขนาดใหญ่ไว้ให้เรือเอาเชือกมาผูก มีร่องรอยทางรถไฟเก่าด้วย
น่าจะเป็นโกดังเก่า ตอนนี้เปลี่ยนเป็นอาคารใช้งานต่างๆ

หมุดที่เอาไว้คล้องเชือกผุกเรือ สนิมขึ้นเขรอะ
ผมเดินไปที่ริมแม่น้ำ ก็พบว่าแม่น้ำนั้นกว้างม๊าก น้ำมีสีขุ่นและคลื่นใหญ่ (ตามแรงลม) มีเรือแล่นบ้างบางคราว(เป็นเรือพาเที่ยวดูวิว ไว้จะมาเล่า)ฝั่งตรงข้ามก็มีร่องรอยของการเป็นสถานที่ขนถ่ายสินค้าด้วยเช่นกัน

การเดินริมแม่น้ำนี่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายใช้ได้เลย มีคนมาเดินเล่นบ้างแต่ไม่ค่อยเยอะ (อาจเป็นเพราะแดดยังแรงอยู่ หรือไม่ก็ยังไม่เลิกงาน ตอนนั้นประมาณ 4 โมงเย็นกว่าๆ ) ผมมองไปไกลๆเห็นตึกที่มีนกเหมือนกับสัญลักษณ์ของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลอยู่บนยอด ตอนนั้นยังเหลือเวลาอีกพอสมควรก่อนจะมืด เลยคิดว่าเดินไปดูซะหน่อยแล้วกัน ผมจึงเดินไปตามทางริมน้ำเพื่อไปให้ถึงตึกนั้น
ริมแม่น้ำ Mersey เรือที่เห็นคือเรือพาเที่ยวล่องแม่น้ำ สามารถพาไปอีกฝั่งซึ่งก็คือ Birkenhead ได้
ผมมาเจอกับอนุเสาวรีย์หนึ่งบริเวณท่าเรือ ผมเข้าไปอ่านก็พบว่า เป็นอนุเสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่คนงานที่ทำงานในห้องเครื่องของเรือไททานิค คุณรู้หรือไม่ว่า เรือไททานิคอันโด่งดังนั้น มีความเกี่ยวข้องกับลิเวอร์พูลอย่างหนึ่งคือ บริษัทที่เป็นเจ้าของเรือนั้นเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในลิเวอร์พูล ดังนั้น จึงมีคนงานในเรือมากมายที่เป็นชาวเมืองลิเวอร์พูลเสียชีวิตจากโศกนาฎกรรมดังกล่าว น่าเศร้าจัง
อนุเสาวรีย์เพื่อระลึกถึงคนงานใน Engine Room ของเรือไททานิคที่เสียชีวิต
ถัดมาจากตรงนี้ ผมก็มายืนอยู่หน้าตึกที่มีนกลิเวอร์เบิร์ดอยู่ด้านบน (มี 2 ตัวเลยนะ)  ตึกนี้มีชื่อว่า Royal Liver Building สร้างเมื่อปี 1911 ซึ่งยังคงเปิดใช้งานอยู่  ตึกนี้นั้นถือว่าเป็น Landmark อย่างหนึ่งของลิเวอร์พูลเลย ใครที่มาลิเวอร์พูลก็ต้องมาถ่ายรูปกับตึกนี้ด้วยนะ ฮ่าฮ่า
ตึก Royal Building ส่วนอีก 2 ตึกที่ติดกันก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน มีชื่อว่า Cunard Building and Port of Liverpool Building
จริงๆแล้วบริเวณนี้เรียกว่า Pier Head (หัวท่าเรือ ?) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริเวณ Waterfront ของเมืองลิเวอร์พูล ตรงนี้มี Fab 4 cafe ซึ่งเกี่ยวข้องกับ The Beatles วงดนตรีชื่อดัง (ผมไม่อินมากเท่าไร ฮ่าฮ่า) และท่าเรือที่เรียกว่า Mersey Ferries ซึ่งถ้าจะนั่งเรือเที่ยวแม่น้ำก็ต้องมาขึ้นที่นี่ รวมถึง shop เล็กๆขายของที่ระลึกด้วย มีอนุเสาวรีย์ของพระเจ้า Edward XII ด้วย (สำคัญยังไงไม่แน่ใจ) นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นของกัปตันเรือที่ชื่อว่า J.Walker และกล้องดูดาวอันเบ่อเริ่มตั้งอยู่
ป้ายบ่งบอกว่าแถวๆนี้มีอะไรบ้าง
โดยรวมบริเวณนี้ถือเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ชิลล์มากทีเดียวในช่วงเย็น เพราะจะได้ยินเสียงนกร้อง  (ร้องทั้งวัน) ลมเย็นๆพัดมา (บางทีอาจยืนไม่อยู่) การซื้อกาแฟสักแก้วแล้วมองพระอาทิตย์ตกดินอย่างสบายใจ ก็เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าอย่างนึง...แต่ทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นภายใต้อากาศประมาณไม่เกิน 10 องศา (ในช่วงที่ผมไป) ยังไงก็ต้องทนหนาวกันหน่อย ผมนี่ น้ำมูกยืดตลอดเวลา ต้องซุกมือไว้ในกระเป๋าเสื้อทุกครั้งที่มีโอกาส

รูปปั้นกัปตันเรือ  J.Walker 

มีจักรยานให้ปั่นเล่นด้วยนะ แต่ไม่เคยลองเลย เพราะจ่ายค่าเช่ายังไงไม่รู้ ทำไม่เป็น ฮ่าฮ่า จักรยานแบบนี้มีอยู่ทั่วเมืองเลย สามารถปั่นจากที่นึงแล้วไปคืนอีกที่นึงก็ได้ เจ๋งดี
 จากป้ายแนะนำการท่องเที่ยวบ่งบอกว่ายังมีอะไรอีกหลายอย่างให้ดูชม ผมดูนาฬิกาแล้วก็พบว่าตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็น ใจนึงก็คิดว่าจะกลับเลยมั้ย อีกใจก็อยากดูแต่ก็กลัวจะกลับไม่ทัน (เพราะไกลจากหอพักพอสมควร ถ้ามืดแล้วอาจหลงทางได้ เพิ่งมาวันแรกเอง ฮ่า) 
แม่น้ำ Mersey ดูกว๊างกว้าง
เหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ อุ๊ย! กล้องมันลั่น (^^)
สุดท้ายความอยากก็ชนะ ผมเลือกเดินต่อไป...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น