ตอนแรกคนยังไม่เยอะมากนัก ผมเลยลากกระเป๋า 2 ใบใหญ่ๆมาวางใกล้ๆ ตัวผมตรงบริวณที่นั่ง พร้อมทั้งดูแลเป้ที่มีทรัพย์สินมากกว่า 5 หมื่นบาทเท่าชีวิต (มีคอมพ์ + กล้องถ่ายรูป + เงินสด) เริ่มมีความรู้สึกง่วงและเหนื่อยมากขึ้น เพราะว่าเอาจริงๆ ตอนนี้ก็คือเวลาเกือบๆ ตี 1 ในไทยแล้ว
อากาศข้างนอกเริ่มมืดมากขึ้นเรื่อยๆ ผมพยายามมองไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นบ้านเรือนแบบอังกฤษตามที่เคยเห็นในหนังสือหรือในหนัง ตั้งอยู่เรียงรายไปหมด หลายๆบ้านเริ่มเปิดไฟสว่าง บางบ้านมีควันออกมาจากปล่องไฟด้วย รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ นี่เรามาถึงอังกฤษแล้วนะเฟ้ย
![]() |
บรรยากาศในรถไฟ ช่วงคนยังไม่เยอะมาก |
เรื่องจริงก็คือ ผมเลยลุกจากที่นั่ง แล้วก็ลากกระเป๋าไปด้วย เอาไปวางตรงหัวมุมตู้รถไฟ แล้วก็ยืนเฝ้าเอาไว้เลย บอกตัวเองว่ายืนก็ไม่เป็นไร มีประสบการณ์จากการโหนรถเมลล์ตั้งแต่เด็กๆ ไหวอยู่
ผมมองดูป้ายสถานีไปเรื่อยๆ ต้องมีสติตลอด เพราะเราของเยอะ มีคนมาเรี่ยไรเงินด้วย ผมก็ โนแต๊งกิ๊ว ลูกเดียว (ไม่ให้ ฟังไม่ออกด้วย) พอถึงแต่ละสถานี ผมจะได้ยินเสียงประกาศตลอดว่า mind the gap ๆๆๆ ก็คือว่า ให้เดินระวังๆนะ พูดสั้นกว่า BTS ของไทยเยอะ ผมอยู่ว่างๆไม่มีไรทำก็พยายามเลียนเสียง mind the gap ๆๆ อยู่ในใจ (ฮ่า)
รถไฟช่วงแรกยังวิ่งอยู่บนดิน พอวิ่งๆไปกลายเป็นใต้ดินซะงั้น สุดท้ายเสียงจากรถไฟประกาศว่า คิงส์ครอสสเตชั่น เอาล่ะ ถึงซะที จับกระเป๋าให้มั่น แล้วลากออกจากรถไฟไปเลย...
........................................................
สถานีนี้ใหญ่ม๊ากก คนเยอะม๊ากก ดูเหมือนทุกคนจะมาลงที่นี่กันหมด เบียดเสียดยัดเยียดกันตลอดเวลา ผมพยายามจะถามผู้หญิงคนนึงว่าทางออกไปทางไหน พี่แกรีบเดินหนีไปเลย (กลัวมาไถตังค์แกมั้ง) เลยเปลี่ยนไปถามผู้ชายอีกคนนึง ดูมีอายุหน่อย แกใจดี บอกทุกอย่างชัดแจ้ง ผมลากกระเป๋าถูลู่ถูกังขึ้นลิฟต์มาโผล่ที่ด้านหน้าสถานี พร้อมสูดอากาศเข้าปอดเฮือกแรกที่เย็นเฉียบ นี่หรือคือลอนดอน ถนนสว่างมาก แม้ว่าจะเกือบๆ 2 ทุ่มแล้ว รถวิ่งกันขวักไขว่ แล้วเราต้องไปทางไหนต่อล่ะ,,,,,เดินไปถามยามแถวนั้นอีกที ยามก็ชี้ว่าเดินตรงไปเรื่อยๆทางนั้น (ชี้นิ้ว) แล้วคุณจะพบกับ Euston Station ไม่ไกลหรอก....
.......................................................
ไม่ไกลหรอกบ้านอากงยามน่ะสิ คือมันจะไม่ไกลเท่าไรหากว่าเดินตัวเปล่าๆไม่มีสัมภาระ แต่นี่ ผมมีกระเป๋าลูกเท่าควาย 2 ลูก แถมเป้ที่ห้ามกระทบกระเทือนหนักๆและห้ามหายอย่างเด็ดขาดสะพายบ่าอยู่
เดินสิ เดินลากกระเป๋าไปตามฟุตบาท ซึ่งพื้นก็เรียบม๊ากก (ประชด) ลากไปกระเป๋าก็กระเด้งกระดอน เหงื่อท่วมกาย (ใส่เสื้อกันหนาวไปจากไทยเพราะคิดว่าจะหนาวมาก) กลัวอย่างเดียวคือ ล้อกระเป๋าพัง เพราะถ้ามันพัง มันก็ลากต่อไม่ได้ ถ้าลากต่อไม่ได้.........ไม่อยากจะคิดจริงๆ
![]() |
Euston Station |
เหนื่อยแสนเหนื่อย แทบจะยอมแพ้แล้วนอนมันข้างถนนนี่ล่ะ
ในที่สุดผมก็เดินมาถึง Euston Station จนได้ ผมลากกระเป๋าเข้าไปในสถานี
ยืนพักสักครู่ให้พอได้หายใจหายคอบ้าง จากนั้นก็มองหาว่าเค้าขายตั๋วตรงไหน
ที่นี่มีการขายตั๋ว 2 แบบคือ มีคนขายนั่งที่เคาเตอร์ กับมีเครื่องขายอัตโนมัติ
ตรงเครื่องอัตโนมัติคนน้อยมาก น่าจะเร็วนะ แต่ใครจะไปกล้าเสี่ยง (แค่นี้ชีวิตยังยากไม่พอรึไง)
ผมเดินตรงไปต่อแถวดีกว่า เอาวะแถวยาวก็รอหน่อยแล้วกัน
ในที่สุดผมก็ได้ซื้อตั๋ว
คนขายถามว่า ยูจะไปไหน ผมบอกว่าจะไปสถานี Liverpool Lime Street แกบอกว่าตั๋วแพงมากนะถ้าซื้อตอนนี้ ผมบอกว่าไม่เป็นไรเอามาเหอะ
(ทำยังกะมีทางเลือกมากนักนี่) แกบอกได้จัดไป รถไฟจะมาตอน 3 ทุ่ม 7 นาทีนะ (หาาา ตอนนั้นเพิ่ง 2 ทุ่มครึ่ง) คอยมองดูจอให้ดีว่ารถไฟจอดอยู่ชานชาลาไหน อย่ามั่วล่ะ เอาล่ะ ค่าตั๋ว 78.70 ปอนด์ !!! แพงโคตร ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 4,000 บาท ไม่มีทางเลือกครับ จ่ายให้เค้าไปแต่โดยดี
เรื่องของเรื่องคือ ถ้าเราจองก่อนในเว็บ ราคามันจะถูกกว่าการเดินมาซื้อก่อนไปมาก ยิ่งจองนาน ยิ่งถูกมาก (เดี๋ยวจะได้เห็นจากการเดินทางครั้งต่อๆไป) แต่สำหรับผม คนที่เพิ่งรู้ว่าจะได้ไปอังกฤษแน่ๆเมื่อ 4 วันที่แล้วเอง จะให้จองอะไรไว้ก่อนคงเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป
![]() |
ตั๋วรถไฟสายประวัติศาสตร์ |
บรรยากาศภายในโถงใหญ่ ทุกคนเฝ้ามองจอ |
ทุกคนต่างเฝ้ารอขบวนรถไฟของตัวเอง |
หน้าจอจะแสดงให้เห็นถึงเวลาที่รถไฟจะมา ชื่อสถานีปลายทาง และสถานีรายทางที่รถไฟขบวนนั้นๆจะจอด ด้านล่างจะบอกถึงบริษัทเจ้าของรถไฟสายนั้นๆ ขบวนที่ผมจะขึ้นก็คืออันนี้แหละ |
รถไฟมาตรงเวลาเป๊ะ ผมก็ลากกระเป๋าไปขึ้นรถไฟ ผ่านนายตรวจตั๋วก่อน รถไฟคนน้อยมาก อาจเป็นเพราะเที่ยวดึกและเป็นเส้นทางที่ไกล เลยไม่ค่อยมีคนขึ้น เดินๆไป ผมรู้สึกว่าผมได้ยินเสียงคนพูดภาษาไทย หันไปดูก็เห็นครอบครัวหนึ่งพ่อแม่ลูก(สาวสวยมาก) กำลังเดินมาขึ้นรถไฟเหมือนกัน อยากจะเข้าไปทักแต่ก็ไม่รู้จักคุยอะไร กลัวพ่อเค้าหาว่าไปยุ่งกับลูกสาวเค้า (พูดเหมือนหล่อ) ก็เลยเดินตามไปห่างๆ
..................................
รถไฟดูหรูหรามาก เบาะกำมะหยี่ ผมเลือกมุมๆหนึ่งที่ใกล้ประตูเข้าไว้เพราะจะได้ลงง่าย ๆ รถไฟขบวนนี้จะใช้เวลาวิ่งประมาณ 2.15 ชม. กว่าจะไปถึงลิเวอร์พูล และเนื่องจากเหนื่อยมากจริงๆ พอรถไฟออกจากสถานีได้สักแป๊บ ผมก็หลับไปในทันที...
..................................
ผมสะดุ้งตื่นมาเมื่อรถไฟมาถึงเมืองครูว (Crewe) มองซ้ายมองขวา ของยังอยู่ครบ นั่งไปสักพักรถไฟก็มาถึงเมืองรันคอร์น (Runcorn) ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายก่อนจะถึงเมืองลิเวอร์พูล ผมดูนาฬิกาที่ข้อมือ ณ ตอนนั้นคือ 5 ทุ่ม นิดๆ เวลาที่ไทยก็คือตี 5 กว่าๆละ หลังจากนั้นไม่นาน และแล้วในที่สุด รถไฟก็มาถึงสถานีรถไฟปลายทาง เสียงพนักงานรถไฟประกาศว่า "Liverpool Lime Street"....
ลิเวอร์พูล ซิตี้ ผมมาถึงแล้ว....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น