วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Liverpool ที่รัก 12: Liverpool Football Club (ทัวร์สนาม)

สัญลักษณ์ของสโมสรลิเวอร์พูล
ผมยืนมองตราสัญลักษณ์ของลิเวอร์พูลด้วยความปลาบปลื้มปิติ นี่หรือคือสนามแอนฟิลด์ สนามฟุตบอลที่เราเคยเห็นแต่ในทีวี เคยเห็นนักเตะของลิเวอร์พูลลงเล่น เห็นแฟนบอลส่งเสียงเชียร์อย่างกึกก้อง สถานที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลที่เราใฝ่ฝันอยากจะมาเหยียบสักครั้งในชีวิต วันนี้เรามาถึงแล้วนะโว้ยยย วู้วววว (แทบบ้าไปเลย) มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ คงจะมีแต่ชาวหงส์แดงอย่างเราๆเท่านั้นที่จะเข้าใจถึงความรู้สึกที่สุดขั้วนี้
มาถึงแล้วจ้าาา :)
น้ำตาของผมไหลออกมา 0.1 ml ทางหางตาด้วยความปลื้มปิติ (เว่อร์ป่ะ ฮ่า) สนามด้านที่รถเมลล์ผ่านนั้น เป็นฝั่งที่ชื่อ The Kop ซึ่งเป็นฝั่งหลังประตูฟุตบอลด้านหนึ่ง แฟนบอลลิเวอร์พูลพันธุ์แท้จะนั่งกันอยู่ที่ฝั่งนี้  ข้างหน้าสนามนั้นมีรูปปั้นของตำนานลิเวอร์พูลที่ชื่อ บิลล์ แชงค์ลี (Bill Shankly) ซึ่งเขาคือผู้จัดการทีมในตำนาน เป็นผู้วางรากฐานให้สโมสรลิเวอร์พูลให้กลายเป็นยอดทีมทีมหนึ่งของยุโรป เขาคุมทีมเมื่อปี 1959 และวางมือในอีก 14 ปีถัดมา ก่อนส่งต่อความสำเร็จให้ บ็อบ เพลสลีย์ เป็นผู้สานต่อ ทำให้ลิเวอร์พูลในยุคนั้นเป็นทีมที่สร้างความสั่นสะเทือนได้ทั้งในเกาะอังกฤษและยุโรป ด้วยเหตุนี้ ชาวลิเวอร์พูลจึงยกย่องบิลล์ แชงค์ลี เป็นอย่างมาก รูปปั้นของเขาจึงได้รับเกียรติให้ตั้งอยู่หน้าสนามแอนฟิลด์ ไม่ว่าใครมาเยือนที่นี่ก็จะได้เห็นอย่างแน่นอน
บิลล์ แชงค์ลี ปรมาจารย์ของลิเวอร์พูล
หลังจากดื่มด่ำกับความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาเหยียบสนามแอนฟิลด์แล้ว เพื่อนผมก็แนะนำว่าเค้ามีให้ทัวร์สนามด้วยนะ ซึ่งการทัวร์สนามก็คือ เราจ่ายเงินเค้า เค้าก็จะมีไกด์พาไปดูทุกซอกทุกมุม (เวอร์ไป แค่ที่สำคัญๆเท่านั้นแหละ) ของสนามลิเวอร์พูลภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งผมไม่พลาดอยู่แล้วล่ะ ตั้งใจแบกเงินมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ (ฮ่า) ซึ่งค่าทัวร์สนามนั้น ผู้ใหญ่ 17 ปอนด์ แต่หากอายุต่ำกว่า 16 ปีหรือมีบัตรนักเรียน ลดเหลือ 11 ปอนด์ ซึ่งผมและเพื่อนนั้นพกบัตรนักศึกษากันไว้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เลยเสียกันคนละ 11 ปอนด์เท่านั้น หากใครได้มีโอกาสไปเยือนแอนฟิลด์ก็อย่าลืมไปทัวร์สนามกันด้วยนะ
ป้ายต้อนรับด้านหน้า มีภาษาไทยด้วยนะ !
ลืมบอกไปว่า การทัวร์สนามนี่มีหลายแบบนะ มีแบบที่ให้ตำนานนักเตะมาเป็นไกด์นำทัวร์ด้วย (แหงล่ะ ต้องแพงกว่าปกติ) หรือทัวร์สนามในวันที่มีการแข่งขัน ซึ่งไม่อาจเข้าไปในห้องแต่งตัวนักเตะได้ ใครสนใจต้องลองดูในเว็บไซต์ของลิเวอร์พูลเอานะ ส่วนคนที่ไม่คิดอะไรมากก็ไปหน้าสนามแล้วซื้อตั๋วได้เลย วันปกตินั้นคนก็ไม่เยอะอะไรเท่าไหร่
บริเวณเคาเตอร์สำหรับซื้อตั๋วทัวร์สนาม
เมื่อซื้อตั๋วเสร็จ พนักงานก็พาผมกับเพื่อนออกมาข้างนอก เขาเดินนำพวกผมไปยังอีกด้านของสนามเพื่อไปหาไกด์ (เหมือนว่าเค้าเริ่มทัวร์กันไปแล้วแป๊บนึง) นอกจากพวกผมก็ยังมีครอบครัวเล็กๆ อีกครอบครัวหนึ่งด้วย
ไปทัวร์สนามพร้อมกับครอบครัวนี้
เจ้าหน้าที่พาพวกผมไปยังอัฒจันทร์ฝั่งที่ชื่อว่า Main Stand ซึ่งเป็นฝั่งที่ซุ้มม้านั่งสำรองตั้งอยู่ (เป็นฝั่งของห้องแต่งตัวนั่นเอง) เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับห้องๆหนึ่งซึ่งเรียกว่า Club Guest Lounge โดยเป็นห้องที่มีรูปของตำนานนักเตะลิเวอร์พูลในยุคต่างๆติดตามฝาผนังเต็มไปหมด มีไกด์กำลังบรรยายภาพรวมความเป็นมาและเป็นไปของสโมสรลิเวอร์พูล ผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการถ่ายรูป ฮ่า
รูปของสุดยอดนักฟุตบอลในยุคต่างๆ (แค่ส่วนหนึ่ง)
ก่อนออกจากห้องนี้ไป ไกด์ก็ชี้ให้ดูถึงภาพรวมของสนามฟุตบอลแห่งนี้ ภาพรวมๆจริงๆ

ภาพรวม รวมภาพ ฮ่า
ห้องต่อไป คือห้องแถลงข่าว สำหรับห้องนี้ คุณๆอาจจะเคยเห็นตอนที่โค้ชกับนักเตะมานั่งแถลงข่าวหลังจบเกมการแข่งขัน เช่นว่าทำไมถึงชนะแมนยูได้อย่างง่ายดายหรือแพ้เละเทะให้กับเชลซีแบบนี้(อะไรทำนองนั้น) ห้องนี้เป็นห้องเล็กๆ มีเก้าอี้วางอยู่ไม่กี่ตัวสำหรับนักข่าว บางคนไม่มีที่ก็ยืนเอา และมีโต๊ะกับไมค์ให้โค้ชนั่งและตอบคำถามนักข่าว ไกด์บอกให้ฟังว่าห้องนี้เคยเป็นห้องเก็บรองเท้า หรือที่เรียกว่า Boot Room โดยในสมัยก่อนนั้น บิล แชงค์ลี ใช้ห้องนี้เป็นห้องสำหรับวางแผนและพูดคุยกับลูกทีม
ภาพบรรยากาศสมัยก่อนในห้องนี้

เก้าอี้ของนักข่าว โดนคณะทัวร์จับจองอยู่ในช่วงนี้
ในวันที่ผมไป รอบๆห้องนี้นั้นมีกระดาษของจริงวางอยู่ทั่วไป เป็นกระดาษที่ระบุรายชื่อนักเตะของทีมลิเวอร์พูล-ลูโดโกเรตส์ ที่แข่งขันกันในรายการ Uefa Champions League เมื่อวันที่ 16/9/2557 โดยลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 2-1 (ผมยังอยู่ไทยตอนนั้น) ซึ่งเอาไว้สำหรับแจกให้นักข่าวได้ทราบก่อนการแข่งขัน ไกด์บอกว่าคุณสามารถเอาไปได้นะ ผมเลยหยิบติดมาด้วย ถือเป็นของชิ้นแรกที่ได้จากสนามแอนฟิลด์ ฮ่า
หากผมเป็นโค้ช ผมก็จะมานั่งแถลงข่าวแบบนี้แหละ ^^
เมื่อถ่ายรูปกันจนหนำใจ ไกด์ก็พาไปยังห้องต่อไป ซึ่งห้องต่อไปก็คือห้องแต่งตัวของนักเตะนั่นเอง ห้องนี้ถือเป็นไฮไลด์สำหรับการทัวร์สนามเลยทีเดียว เพราะว่าเป็นห้องที่นักเตะและอดีตนักเตะลิเวอร์พูลมากมายจะต้องเข้ามาแต่งตัวก่อนลงสนาม รวมถึงปรึกษาแผนการซ้อมกับโค้ชทั้งก่อนแข่งและช่วงพักครึ่ง ห้องนี้เป็นห้องที่ไม่ใหญ่มากเช่นเคย มีเตียงยางสีแดงอยู่ตรงกลาง มีแผ่นกระดานสำหรับวางแผนให้โค้ชใช้เขียน มีตู้เย็นใส่น้ำเกลือแร่อยู่ที่มุมหนึ่ง และมีม้านั่งไม้ 3 ด้านสีแดง ด้านบนมีเสื้อของนักฟุตบอลแต่ละคนแขวนไว้ แสดงให้เห็นว่าแต่ละคนนั่งกันตรงไหนเวลาที่แข่งขันจริง
สภาพห้องโดยรวม ดูไม่ไฮโซอย่างที่คิดนะ ฮ่าฮ่า
จากรูป เป็นมุมมองในเวลาที่โค้ชยืนตรงกลางห้อง สมมุติว่ากำลังตะคอกด่านักเตะทุกคนที่เล่นห่วยแตก ผู้รักษาประตูและกองหลังจะนั่งสำนึกผิดอยู่ทางด้านซ้ายมือของโค้ช  
ผู้รักษาประตูและพวกกองหลังจะนั่งกันตรงนี้
ส่วนพวกกองกลาง ก็จะนั่งกันอยู่ตรงกลาง ประจันหน้ากับโค้ชเต็มๆ นำทีมโดยสตีเว่น เจอร์ราร์ด (เบอร์ 8)
พวกกองกลาง กองกันอยู่ตรงนี้
ส่วนพวกศูนย์หน้าหรือผู้ทำประตู จะอยู่ทางด้านขวามือของโค้ช

โคตรกองหน้าของลิเวอร์พูล (?) จะนั่งกันอยู่ที่นี่
การนั่งแบบนี้เป็นไปตามที่โค้ชคนปัจจุบันกำหนด (เบรนแดน ร็อดเจอร์ส) ซึ่งการที่โค้ชแต่ละคนก็จะกำหนดให้นักเตะนั่งตรงไหนนั้น ก็แตกต่างกันไปตามปรัชญาและความคิดของโค้ช

ไกด์ที่พาทัวร์ หล่อมั้ย ? พี่แกชอบเล่นมุกหน้านิ่ง (คือพูดให้ขำแต่ทำหน้านิ่งๆ)
ไกด์แกก็แพล่มไปตามหน้าที่ พวกเราคณะทัวร์ก็ฟังแกนะ แต่ว่าตาแต่ละคนนี่ไม่ได้มองกันอยู่ที่ไกด์เลย มองแต่เสื้อนักเตะที่ชอบ แอบถ่ายรูปไกด์บ้าง หรือทำอย่างอื่นกันตลอด เมื่อไกด์พูดเสร็จก็เปิดโอกาสให้ถ่ายรูปกันได้ตามสะดวก ซึ่งก็แน่นอน เสื้อของสตีเว่น เจอร์ราร์ดนั้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทุกๆคนมารุมจับเสื้อและถ่ายรูปคู่กับเสื้อไว้เป็นที่ระลึก คนเยอะจนต้องต่อคิวกันเลยทีเดียว
เสื้อของคนนี้ พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
--------------------------------------------------------
(เสริมในขณะเขียนบล็อก) - การที่สตีเว่น เจอร์ราร์ดได้ตัดสินใจย้ายออกจากลิเวอร์พูลไปเล่นในลีกของอเมริกาหลังจากจบฤดูกาล 2014-2015 ทำให้คุณจะไม่ได้เห็นเสื้อของเจอร์ราร์ดถูกแขวนอยู่ในห้องแต่งตัว ณ ที่นี้อีกนับจากนี้ต่อไป สำหรับผมนั้น ถือว่าโชคดีมากที่ยังได้มีโอกาสได้เข้ามาถ่ายรูปกับเสื้อของเจอร์ราร์ดในห้องแต่งตัวในฤดูกาลสุดท้ายของเขากับลิเวอร์พูล (พูดแล้วเศร้า ฮือ)
--------------------------------------------------------

ไกด์พาไปดูห้องแต่งตัวของทีมเยือนที่อยู่เยื้องไปอีกด้านนึง พอเข้าไปปุ๊บ จากที่เห็นว่าห้องแต่งตัวของลิเวอร์พูลโลโซแล้ว ห้องแต่งตัวของทีมเยือนที่ยิ่งกว่า มันไม่มีอะไรเลย เป็นห้องแคบๆ มีแค่ม้านั่งยาวๆ แค่นั้นเอง (อาจเป็นแผนให้ทีมเยือนหงุดหงิดและสติแตก ฮ่า) ผนังห้องติดข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันนัดสำคัญๆกับทีมใหญ่ที่ลิเวอร์พูลเอาชนะได้ เช่น รีล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า
แผ่นป้ายข้อมูลบ่งบอกว่าเคยชนะใครมาบ้างที่สำคัญๆ ฮ่าฮ่า
เมื่อเดินออกมาจากห้องแต่งตัวของทีมเยือนนั้น จะพบว่า บรรยากาศตามรายทางจะเป็นสีแดงไปหมด (เหมือนกับจะข่มขวัญไรงี้) มองไปข้างหน้าก็จะเห็นตราสโมสรลิเวอร์พูลขนาดใหญ่ตระหง่านอยู่ตรงบริเวณก่อนทางออกไปสู่สนาม

บรรยากาศด้านหน้าห้องแต่งตัวทีมเยือน

ทีมเยือนออกมาจากห้องปุ๊บ ก็จะเจอสัญลักษณ์นี้ปั๊บ
จากนั้น ก็จะถึงส่วนที่สำคัญที่สุด ที่ชาวหงส์แดงทุกคนใฝ่ฝัน นั่นคือ ป้าย This is Anfield ที่ทุกคนฝันเอาไว้ว่าจะต้องมาแตะมือกับป้ายนี้สักครั้งนึงในชีวิต ซึ่งป้ายนี้เป็นป้ายเดียวกับที่ตำนานนักเตะลิเวอร์พูลทุกคนเคยได้สัมผัส และเป็นป้ายเดียวกับที่เวลาคู่แข่งเห็นแล้วจะรู้สึกหวั่นเกรง (ในสมัยก่อนน่ะนะ แต่สมัยนี้ไม่รู้จะยังเกรงกันอยู่ป่าว ฮ่า)
ได้แตะสักครั้ง จะตั้งใจเรียน ฮ่าฮ่า ฝันเป็นจริงแล้ว
เกร็ดเล็กๆสำหรับป้ายนี้ ขอบอกว่าป้ายนี้อยู่สูงพอสมควร ขนาดผมสูง 170 cm ก็ยังต้องเขย่งนิดหน่อยเพื่อให้แตะได้เต็มๆมือ หากจะกระโดดเอามือแตะก็พอได้แต่ต้องระวังหน้าคะมำ เพราะว่าพื้นมันยังเป็นบันไดอยู่ และจริงๆแล้วป้ายนี้อาจเป็นศูนย์รวมของเชื้อโรคจากทั่วโลกก็ได้นะ เพราะว่าใครมาก็ต้องมาแตะ ฮ่าฮ่า (แซว) ยังไงก็ตาม ผมถือว่าเป็นบุญมือมากที่ได้มาแตะและเดินลอดป้ายอันศักดิ์สิทธิ์นี้

เขย่งเพื่อแตะ ฮ่าฮ่า
จากนั้น ไกด์ก็เรียกให้เดินลอดอุโมงค์นี้ไป เสียงเชียร์จำลองของแฟนบอลดังกระหึ่ม (สร้างบรรยากาศได้ดีมาก)  พ้นจากอุโมงค์ คุณก็จะพบว่า คุณกำลังยืนอยู่ในสนาม Anfield...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น